Posted: 21 Sep 2018 02:52 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Fri, 2018-09-21 16:52
ใบตองแห้ง
ท่านผู้นำ “ย้อนเจ็บ” ตามคำของสื่อบางค่าย หลัง UNHRC จัดอันดับไทยเป็น 1 ใน 38 ประเทศ น่าละอาย คุกคามนักสิทธิมนุษยชน ว่านักการเมืองที่เอาไปพูดนั่นแหละน่าละอาย เพราะพูดให้ประเทศเสียหาย
ก็ไม่รู้ใครเจ็บกันแน่ เพราะจาตุรนต์ ฉายแสง ชี้ว่าที่ UNHRC ตำหนิประเทศเหล่านี้ เพราะมักมีพฤติกรรมตำหนิ ตั้งข้อหา หรือข่มขู่คุกคามนักสิทธิมนุษยชน ว่าร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศ ทำลายชื่อเสียงประเทศชาติ
ที่ท่านพูดจึงเท่ากับ “เข้าทาง” คือท่านกำลังชี้หน้า ใครเห็นด้วยกับ UNHRC เห็นว่าเป็นจริง แล้วยกมาวิพากษ์วิจารณ์ ก็เป็นพวกน่าละอายเพราะพูดให้ประเทศเสียหาย
หรือพูดตามศัพท์สลิ่ม คือไอ้พวกนี้เป็นพวก “ชังชาติ” ร่วมมือกับฝรั่ง รับเงินไอ้กัน บ่อนทำลายชื่อเสียงประเทศไทย ซึ่งไม่เคยละเมิดสิทธิมนุษยชนซักหน่อย ต่อให้ปกครองด้วยระบอบเผด็จการ สลิ่มก็ไม่เดือดร้อน ใช้ ม.44 อุ้มคนเข้าค่ายทหาร ก็ถือเป็นขั้นตอนหนึ่งในกระบวนการยุติธรรม ไม่ได้ทำผิดแล้วกลัวอะไร
ไม่ต้องสงสัยว่าทันใดที่ UNHRC (ที่เพจไทยคู่ฟ้า สำแดงภูมิว่าชื่อเดิมคือ UNHCR) ระบุชื่อประเทศไทย คนชั้นกลางระดับบนผู้ภาคภูมิใจในเกียรติภูมิประเทศชาติ จึงโกรธเกรี้ยวกันใหญ่ เช่น กูรูรถยนต์ชื่อดังโพสต์สวนทันใด “ประกาศ ประเทศไทยขึ้นบัญชีดำยูเอ็นเอชซีอาร์ เพราะมันชอบเสือกเรื่องของบ้านอื่นเมืองอื่น ไสหัวแม่-ออกไป ไอ้… ไอ้…”
ในขณะที่ตามเพจองค์กรระหว่างประเทศ HRW แอมเนสตี้ ฯลฯ ก็ถูกคนไทยรักชาติบุกเข้าไปก่นด่า สุณัย ผาสุข ถูกส่งข้อความไล่จากประเทศไทย แต่ห้ามเอาทรัพย์สินเงินทองออกไปเพราะเป็นของประเทศชาติ
เออ นั่นสินะ ทำไมประเทศไทยไม่ไล่ UNHRC UNHCR องค์กรสิทธิทั้งหลายออกไปเลย ทำไมจะต้องชี้แจงเป็นวรรคเป็นเวร ว่าเรามีมาตรการคุ้มครองสิทธิตั้งมากมาย ประเทศเผด็จการอื่นๆ ไม่เห็นสนใจ มีแต่ไทย หลังรัฐประหารก็ยังลุ้น ยังเพ้อฝัน จะชิงที่นั่งในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน
มีแต่ประเทศศรีธนญไทย ที่รัฐประหารประกาศสิทธิ มนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ ผลักดันกฎหมายอยากเป็นเจนีวาแห่งเอเชีย แต่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศจัดอภิปรายเรื่อง นายพลพม่าก็ถูกห้าม
พูดง่ายๆ คืออยากมีหน้ามีตา อยากให้ชาวโลกยกย่องเมืองไทยเมืองพุทธ ว่าคุ้มครองสิทธิมนุษย์ล้ำเลิศกว่าใคร ทั้งที่อยู่ใต้ ม.44 นี่ไง เราปราบค้ามนุษย์ ปราบประมงผิดกฎหมาย ออกมาตรการป้องกันอุ้มหาย ฯลฯ ทั้งยังมีกรมคุ้มครองสิทธิ ไว้ตอบโต้ข้อกล่าวหา
แต่พอองค์กรสิทธิออกมาวิจารณ์ ก็ดิ้นพล่าน เสียหน้า ถ้าเป็นคนไทยด้วยกัน ก็โดนข้อหาทำลายชาติ บ่อนทำลายการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว แบบเพจ CSI LA ตีข่าวเกาะเต่า
ไม่ต่างกับด่าคนอยากเลือกตั้ง สร้างความวุ่นวาย ทำลายเศรษฐกิจ แต่พอประกาศกฎหมายเลือกตั้ง หุ้นพุ่งทันที โบรกเกอร์นักวิเคราะห์ทั้งหลายที่หดหัวในกระดองไม่เคย เรียกร้องเลือกตั้ง ก็ออกมาแซ่ซ้อง มีเลือกตั้งเศรษฐกิจดี หอการค้าชี้ เงินสะพัด
ประเทศนี้ตลกดีครับ รักหน้า รักชื่อเสียง อย่าให้ใครว่าไทย นิตยสารอะไรยกย่องให้เป็นดินแดนน่าเที่ยว ก็ตีปี๊บกันใหญ่ แต่เวลาองค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน จัดอันดับเสรีภาพสื่อไทย (ดีกว่าญวน เขมร ลาว) สื่อไทยเองกลับไม่อยากตีข่าว
สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยมีไว้เพื่ออะไร มีไว้ด่าทักษิณไง ว่าทักษิณฆ่าตัดตอน อุ้มฆ่า 3 จังหวัดใต้ UN ไม่ใช่พ่อ ฯลฯ แต่พอไล่ทักษิณแล้ว ปกครองด้วยเผด็จการคนดีมีศีลธรรม ก็ทำได้ทุกอย่าง นักสิทธิที่เคยวิจารณ์ทักษิณก็กลายเป็นพวกรับเงินทักษิณ เพราะใช้มาตรฐานเดียวกันวิจารณ์รัฐบาล ที่ใช้อำนาจยิ่งกว่าทักษิณหลายเท่า
แล้วเสียงตอบโต้ก็ฟังคุ้นๆ ไม่ต่างจากยุคทักษิณ อย่ามาตำหนิรัฐบาล ไปประณามโจรใต้โน่น ละเมิดสิทธิมนุษยชน
อันที่จริง ถ้าดูทัศนะ คนชั้นกลางระดับบนที่เกลียดทักษิณวันนี้ ก็น่าจะชื่นชอบนโยบายปราบยาเสพติด ปราบโจรใต้ ในวันนั้น อยู่ที่ยอมรับกันหรือเปล่า
พูดให้ถึงที่สุด ก็คนไทยทุกระดับชั้นนั่นแหละ มีแนวโน้มอำนาจนิยม อยากเห็นการใช้อำนาจรุนแรงกับคนที่ตนเห็นว่าผิด หรือเกลียดชัง เพราะรากฐานสังคมไทยเป็นสังคมพุทธผิวเผิน ถ้าเห็นตัวเองเป็นคนดีแล้วอีกฝ่ายเป็นคนชั่ว ก็ทำอะไรกับมันได้ทุกอย่าง
เพียงแต่คนชั้นล่างยังตระหนักว่า เมื่อไหร่ที่รัฐมีอำนาจมาก เจ้าหน้าที่มีอำนาจมาก ตัวเองก็ตกเป็นเหยื่อได้ง่ายกว่า
ยิ่งกว่านั้น คนชั้นกลางระดับบนยังภาคภูมิใจกับประเทศไทย ใต้รัฐประหาร “สี่ปีซ่อม สี่ปีสร้าง” รัฐประหารสร้างไทยยิ่งใหญ่ ใครวิจารณ์เป็นพวกจ้องทำลาย พวกชังชาติ ไม่อยากอาศัยแผ่นดินอยู่ ก็ออกจากประเทศนี้ไป
เผยแพร่ครั้งแรกใน: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/hot-topics/news_1593593
แสดงความคิดเห็น