Posted: 19 Sep 2018 12:07 PM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Thu, 2018-09-20 02:07



หลังพื้นที่ ต.บางเขา และ ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก ถูกประกาศควบคุมพื้นที่พิเศษล่ามือยิงทหารพราน นักศึกษา ม.อ.ปัตตานี จัด "ชวนเพื่อนๆ ไปเช็คอินหนองจิก" ยันที่ผ่านมามันพิสูจน์แล้วว่า กฎอัยการศึก ไม่สามารถแก้ไขปัญหา แนะเปิดพื้นที่ทางการเมือง ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก



ภาพจาก เฟสบุ๊กแฟนเพจ 'Free Voice'

19 ก.ย.2561 จากเมื่อวันที่ 16 ก.ย. ที่ผ่านมา พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ออกประกาศควบคุมพื้นที่พิเศษตาม พ.ร.บ.กฏอัยการศึก ควบคุมอาวุธปืน เรือและยานพาหนะที่ต้องนำมาลงทะเบียนกับหน่วยทหารและอำเภอที่ตั้งในพื้นที่ ต.บางเขา และ ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ภายใน 7 วัน ภายหลังมีเหตุคนร้ายซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนของกองร้อยทหารพรานบริเวณบ้านบางทัน ต.บางเขา เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้ทหารพรานเสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บ 4 นาย นั้น

ประกาศควบคุมพื้นที่ 2 ตำบลในปัตตานี ล่ามือยิงทหารพราน แม่ทัพภาค 4 จ่อออก กม.เอาผิดถึงครอบครัว

เฟสบุ๊กแฟนเพจ 'Free Voice' รายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.61) เมื่อเวลา 12.00 น กลุ่มนักกิจกรรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขต ปัตตานี รวมตัวทำกิจกรมม "ชวนเพื่อนๆ ไปเช็คอินหนองจิก" โดย มีการแจกใบปลิว, ชูป้ายข้อความรณรงค์ และเชิญชวนนักศึกษาแสดงความคิดเห็นต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

อาริฟ ดาเล็ง ผู้ประสานงาน สหพันธ์นิสิตนักศึกษาเยาวชนนักเรียนปาตานี (PerMAS) เขต Patani Lama กล่าวว่า หลังจากมีการประกาศยกระดับการบังคับใช้กฎอัยการศึก ควบคุมพื้นที่พิเศษ ทาง PerMAS มีมติให้รีบลงพื้นที่เพื่อฟังเสียงของชาวบ้าน และร่วมสังเกตการณ์ สำหรับ PerMAS มีจุดยืนที่ชัดเจนมาตลอดว่า กฏอัยการศึกไม่สามารถทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งในพื้นที่ดีขึ้นเลย ความขัดแย้งทางการเมืองต้องจัดการด้วยแนวทางทางการเมืองเท่านั้น

อาริฟ เล่าต่อว่า การจัดกิจกรรม "ชวนเพื่อนๆ ไปเช็คอินหนองจิก" ในวันนี้เพื่อ ชวนเพื่อนไปดูว่าบรรยากาศที่นั้นเป็นอย่างไร วิถีชีวิตภายใต้การควบคุมพิเศษนั้นเป็นอย่างไร ตอนนี้มีเสียงเล่าต่อกันตามร้านน้ำชา, โลกออนไลน์ มากมายถึงความลำบากของชาวบ้านในพื้นที่ คนในพื้นที่ปาตานีต่างเป็นห่วงและกังวลอย่างยิ่ง ต่อปฏิบัติการลักษณะนี้ ระยะยาวมันจะไม่เป็นผลบวกแน่นอนต่อทิศทางของสถานการณ์ในพื้นที่

“เราในฐานะนักศึกษา จึงคิดว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องลงพื้นที่ เก็บข้อมูลและนำเสนอเสียงของชาวบ้านด้วยว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร ข้อเท็จจริงเป็นแบบไหน และเรายืนยันว่า การทหารนำการเมืองนั้น ไม่สามารถจัดการความขัดแย้งทางการเมืองได้" อาริฟ กล่าว

ซอบารียะฮ นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ กล่าวว่า ด้วยระยะเวลาที่ผ่านมามันพิสูจน์แล้วว่า กฎอัยการศึก ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่นี้ได้ ตลอดสิบกว่าปี ที่ผ่านมามันพิสูจน์แล้วจริงๆ และฉันว่ารัฐบาลไทยจะยกเลิกมันโดยเร็ว เปิดพื้นที่ทางการเมือง ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก นั้นจึงจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีต่อการจัดการความขัดแย้ง

ด้าน อนัส นักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ เล่าว่า ดีใจที่มีส่วนร่วมกับกิจกรรมเชิญชวนเพื่อนๆ นักศึกษาในครั้งนี้ ผมก็พอได้อ่านข่าวจากโลกออนไลน์อยู่บ้าง แค่อ่านเราก็รู้สึกได้ถึงความหดหู่ หวาดกลัว บรรยากาศในหมู่บ้านเป็นอย่างไร ก็พอมีเพื่อนๆ นักศึกษาที่มาจากหมู่บ้านแห่งนั้นเล่าให้ฟัง

"มันใกล้นิดเดียวกับรั้วมหาวิทยาลัย และเราก็ลูกหลานชาวบ้าน เราไม่ใช่คนอื่น ผมจึงอยากชวนเพื่อนๆ ลงไปด้วยกันในวันพรุ่ง" อนัส กล่าว

[full-post]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.