ร้านอาหารดังแตกแบรนด์ รับมือต่างชาติบุกไม่หยุดแย่งเค้กแสนล้าน โออิชิส่ง "โออิชิ อีทเทอเรียม" รักษาฐานลูกค้าเก่า-ใหม่ ด้านยักษ์ใหญ่เอสแอนด์พีเดินหน้า "เฮดควอเตอร์" ชูจุดขายอาหารไทยประยุกต์ ส่วน "เอ็มเค สุกี้" ปั้นทายาทลุยธุรกิจ เพิ่มช่องทางดิจิทัลสู้ศึกร้านอาหาร รับแข่งเดือดปีหน้า
ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ภาพของร้านอาหารแบรนด์ดังจากต่างประเทศที่ทยอยดาหน้าเข้ามาปักธงในไทยยังมี ให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความเคลื่อนไหวเหล่านี้ทำให้โลคอลแบรนด์ที่อยู่ในตลาดมานานต้องขยับตัว ครั้งใหญ่ เพื่อรับมือกับการแข่งขันที่นับวันจะทวีความดุเดือดมากขึ้น
นายไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหาร บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านอาหารญี่ปุ่น โออิชิ บุฟเฟต์, ชาบูชิ, นิกุยะ ฉายภาพว่า ปัจจุบัน แม้ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและส่งผลกระทบกับธุรกิจร้านอาหารบ้าง แต่ตลาดร้านอาหารที่มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 1 แสนล้านบาท ยังมีโอกาสที่จะเติบโตต่อเนื่อง และยังมีแบรนด์ใหม่ ๆ จากทั้งในเอเชียและยุโรปที่สนใจขยายธุรกิจเข้ามาในเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับการแข่งขันที่มีความรุนแรงมากขึ้น จากนี้ไปจะเดินหน้าปรับภาพลักษณ์ทุกแบรนด์ให้ทันกับความต้องการของผู้บริโภค เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
ล่าสุด ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาได้เปิดตัวร้านบุฟเฟต์คอนเซ็ปต์ใหม่ "โออิชิ อีทเทอเรียม" ที่เซ็นทรัล พระราม 9 ด้วยการจำลองย่านร้านอาหารที่ญี่ปุ่นมาไว้ในร้าน และนำระบบดิจิทัลมาใช้ในการสั่งออร์เดอร์ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและสร้างความแปลกใหม่ให้กับตลาด นอกจากนี้ยังได้เพิ่มไลน์อาหารใหม่ ๆ อาทิ น้ำแข็งไสญี่ปุ่น "คากิโกริ" ฯลฯ ทั้งหมดในราคา 659 บาท
ต่อคน จำกัดเวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที สำหรับในปี 2560 มีแผนจะเปิดโออิชิ อีทเทอเรียม เพิ่มอีก 3 แห่ง ทั้งการเปิดสาขาใหม่และปรับร้านโออิชิ บุฟเฟต์เดิมให้เป็นคอนเซ็ปต์อีทเทอเรียม
"แบรนด์เราอยู่ในตลาดมานานแล้ว ก็ต้องปรับร้านให้ทันกับความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่างไปจาก 17 ปีก่อนที่เราเริ่มทำธุรกิจ อีทเทอเรียมจึงเกิดขึ้นมาเพื่อรักษาฐานกลุ่มครอบครัวที่เป็นลูกค้าหลัก และขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น หากคอนเซ็ปต์นี้ได้รับการตอบรับดี อนาคตอาจใช้เปิดแทนโออิชิ บุฟเฟต์รูปแบบเดิมทั้งหมด"
สอดคล้องกับนายกำธร ศิลาอ่อน รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายการผลิตและซัพพลายเชน บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านอาหาร-เบเกอรี่ "เอสแอนด์พี" ระบุว่า ตลอดทั้งปีนี้มีแบรนด์ร้านอาหาร-เบเกอรี่ใหม่ ๆ จากต่างประเทศเข้ามาเปิดในไทยมากขึ้น ทำให้การแข่งขันยิ่งรุนแรงซึ่งมีผลกับเอสแอนด์พีเช่นกัน จึงมีแผนรับมือด้วยการเดินหน้าทำกิจกรรมการตลาดเพื่อสร้างแบรนด์ให้แข็งแรง จัดการดูแลหลังบ้าน ควบคุมต้นทุนให้พร้อมรับกับการแข่งขัน นำเสนอสินค้าใหม่ ๆ พร้อมทั้งการรีโนเวตสาขาที่เปิดให้บริการมานานหรือปรับตามพื้นที่ห้างที่ ปรับปรุงพื้นที่ ตกแต่งบรรยากาศร้านให้มีภาพลักษณ์ที่ทันสมัยมากขึ้น
พร้อมกันนี้ยังมีแผนจะเปิด "เอสแอนด์พี เฮดควอเตอร์" ร้านคอนเซ็ปต์ใหม่เพิ่ม จากปัจจุบันที่มี 2 สาขา โดยโมเดลนี้จะใช้สีขาวดำเป็นโทนสีหลักของร้าน แบ่งพื้นที่ออกเป็นหลากหลายโซน อาทิ โซนโชว์อบสดเบเกอรี่ โซนเครื่องดื่ม เอสเพรสโซ่บาร์ ห้องสตูดิโอเค้ก ห้องจัดกิจกรรมพิเศษ ขณะที่เมนูจะเน้นอาหารไทยประยุกต์ที่สามารถทานได้รวดเร็วในช่วงเที่ยงและ เย็น โดยราคาอาหารในร้านจะสูงกว่าร้านเอสแอนด์พีโมเดลปกติเล็กน้อย
"ที่ผ่านมาเรามีแบรนด์อื่น ๆ ในเครืออย่างวานิลลา ในการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ แต่เอสแอนด์พี เฮดควอเตอร์ เป็นโมเดลต้นแบบที่ปรับภาพของแบรนด์เอสแอนด์พีที่อยู่ในตลาดมากว่า 43 ปีให้ทันสมัย ช่วยขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น"
ขณะที่นายฤทธิ์ ธีระโกเมน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านสุกี้ "เอ็มเค เรสโตรองต์" กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า นอกจากแผนการขยายสาขาใหม่ต่อเนื่อง ทิศทางสำคัญในปี 2560 เอ็มเคจะนำเรื่องเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยให้เอ็มเคทันสมัยมากขึ้น ภายใต้การบริหารงานของทายาทรุ่นที่ 3 ที่เข้ามาช่วยบริหารงานตลอดช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา
โดยเมื่อต้นปีก่อนได้เปิดตัวโปรเจ็กต์คอมมิวนิตี้ฟู้ ดมอลล์ "ลอนดอน สตรีท" ย่านพัฒนาการ ด้วยการนำร้านอาหารในเครือ 5 แบรนด์ มาเปิดรวมกันในอาคารที่จำลองบรรยากาศของมหานครลอนดอนทั้งภายในและภายนอก อาคาร พร้อมแลนด์มาร์ก หอนาฬิกาบิ๊กเบน และร้านอาหารแบรนด์ต่าง ๆ จะมีเมนูพิเศษ เพื่อรับเทรนด์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้ายุคใหม่
"ปีหน้าจะเป็นปีที่ได้เห็นอะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ ของเอ็มเคมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องดิจิตอลที่จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ความต้องการและเข้าถึงลูกค้า ได้มากขึ้น"
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากการให้ความสำคัญกับการสื่อสารในช่องทางออนไลน์ เอ็มเคยังได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อพัฒนาการบริการ อาทิ มีจอระบบสัมผัส (Touch Screen) ทั้งในร้านเอ็มเค เรสโตรองต์และยาโยอิ ให้ลูกค้าเลือกสั่งอาหารได้ด้วยตัวเอง รวมทั้งมีบริการสั่งโฮมดีลิเวอรี่ผ่านเว็บไซต์ ฯลฯ
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรประเมินว่า เชนร้านอาหารจะมีมูลค่าตลาดประมาณ 108,000-110,000 ล้านบาท เติบโตราว 6.9-8.9% (คาดการณ์ปี 2558) จากการที่ผู้ประกอบการรายเดิมยังขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และมีการซื้อแบรนด์ร้านอาหารจากต่างประเทศเข้ามาเปิด เพื่อรองรับความต้องการรับประทานอาหารนอกบ้านที่มีมากขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.