ผู้นำสหรัฐฯ ย้ำว่าคำสั่งโจมตีฐานทัพซีเรียเป็นการทำเพื่อความมั่นคงของชาติ และเป็นการต่อต้านรัฐบาลซีเรียซึ่งใช้อาวุธเคมีโจมตีจังหวัดอิดลิบ ซึ่งเป็นที่มั่นของกลุ่มกบฏ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แถลงยอมรับว่าตนเองเป็นผู้ออกคำสั่งให้กองเรือยูเอสเอส พอร์เตอร์ ของกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งประจำการอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ยิงขีปนาวุธโทมาฮอล์กโจมตีฐานทัพอากาศในประเทศซีเรีย ช่วงค่ำวานนี้ ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ โดยยืนยันว่าเป็นการกระทำเพื่อความมั่นคงของประเทศชาติสหรัฐฯ และเป็นการต่อต้านนายบาชาร์ อัล-อัสซาด ประธานาธิบดีซีเรีย ซึ่งสหรัฐฯ กล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธเคมีโจมตีจังหวัดอิดลิบ ซึ่งเป็นที่มั่นของกลุ่มกบฎในซีเรีย ซึ่งทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การโจมตีของกองเรือสหรัฐฯ ในครั้งนี้ทำให้เกิดความเสียหายหลายจุดในฐานทัพอากาศซีเรีย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทั้งยังอาจเป็นการเตือนของสหรัฐฯ ไปยังเกาหลีเหนือ อิหร่าน และกองกำลังที่เรียกตัวเองว่ารัฐอิสลาม (ไอเอส) ซึ่งเกี่ยวข้องกับประเด็นความขัดแย้งรุนแรงของโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมาด้วย

ขณะที่นายวลาดิเมียร์ ซาฟรอนคอฟ ทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ เตือนรัฐบาลสหรัฐฯ ให้เตรียมรับมือกับผลกระทบด้านลบที่จะตามมาจากการใช้กำลังทางทหารในซีเรีย และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวจะต้องร่วมรับผิดชอบ

รอยเตอร์ระบุด้วยว่าการโจมตีด้วยอาวุธเคมีของรัฐบาลซีเรียในจังหวัดอิดลิบเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 70 ราย แต่องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรีย Observatory for Human Rights รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตในกรณีดังกล่าวทั้งหมด 86 ราย โดยในจำนวนนี้แบ่งเป็นเด็ก 30 ราย และผู้หญิง 20 ราย

ขณะที่สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษรายงานว่ากองเรือสหรัฐฯ ยิงขีปนาวุธโทมาฮอล์ก 59 ลูกโจมตีฐานทัพอากาศซีเรีย ถือเป็นการยกระดับทางนโยบายที่สหรัฐฯ มีต่อซีเรียเป็นครั้งแรกในสมัยของนายทรัมป์ หลังจากที่นายทรัมป์เคยเตือนว่า รัฐบาลของตนจะต้องทำอะไรบางอย่างต่อกรณีความขัดแย้งในซีเรีย และจะต้องศึกษาแนวทางยุทธศาสตร์เพิ่มเติม


ภาพจาก: AFP

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.