Posted: 01 Sep 2018 07:20 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Sat, 2018-09-01 21:20


1 ก.ย. 2561 จากรายงาน Suicide by occupation, England: 2011 to 2015 ที่เผยแพร่เมื่อปี 2560 ระบุว่าพยาบาล (เพศหญิง) ในอังกฤษมีอัตราการลงมือฆ่าตัวตายสูงกว่าผู้หญิงทั่วไปถึงร้อยละ 23 โดยการใช้ยาพิษหรือใช้เกินขนาดเป็นวิธีที่เหล่าพยาบาลใช้ในการฆ่าตัวตายมากที่สุด ทั้งนี้มีความเกี่ยวพันกับการที่พยาบาลเหล่านั้นเข้าถึงยาและสารเคมีได้ง่ายกว่าบุคคลทั่วไป ซึ่งทำให้มีความเป็นได้ที่สามารถฆ่าตัวตายได้สำเร็จมากกว่าคนอื่นทั่วไปถึง 4 เท่าตัว และงานศึกษาดังกล่าวยังเผยมีว่าอัตราการฆ่าตัวตาย ในพยายาลหรือบุคลากรทางการแพทย์จะพบสูงยิ่งขึ้นในกลุ่มลูกจ้างที่มีรายได้ต่ำ มากกว่ากลุ่มคนที่มีตำแหน่งสูง

ข้อถกเถียงเกี่ยวกับสถิติการฆ่าตัวตายของบุคคลกรในระบบสาธารณสุขนั้นมีมาเป็นเวลานาน จากการรายงานของ Daily Mail เมื่อเดือน มี.ค. 2560 ระบุว่าในหลายปีที่ผ่านนั้นอัตราการฆ่าตัวในแพทย์นั้นลดลงอย่างต่อเนื่อง จากการที่ในอังกฤษได้มีการจัดทำระบบการทำงานของแพทย์ใหม่ ที่สามารถสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานได้ดีขึ้น แต่ในทางกลับกันพบว่าพยาบาลยังไม่มีการจัดการในลักษณะเดียวกัน พยาบาลต้องทำงานด้วยการใช้เวลาส่วนตัวปะปนกับการทำงาน และต้องรับความกดดันจากระบบการทำงานที่ต้องการความเร็ว ขณะเดียวกันยังต้องการมาตรฐานการทำงานสูง ทั้งยังถูกบีบคั้นอยู่ระหว่างกลางของความต้องการของแพทย์กับความต้องการของผู้ป่วย

นอกจากนั้นยังอาชีพต้องประสบกับภาวะเครียดจากรูปแบบการประเมินและตรวจสอบการทำงาน ที่มีมากมายในการทำงาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่เพิ่มอัตราการฆ่าตัวตายของพยาบาลอีกด้วย โดยมีกรณีตัวอย่างที่เป็นที่รู้จักกันคืออามิน อับดุลลาห์ Amin บุรุษพยาบาลชาวอังกฤษที่ฆ่าตัวตายเมื่อปี 2559 หลังจากถูกไล่ออกด้วยการตรวจสอบการทำงานที่ไม่เป็นธรรม



ที่มาข่าวบางส่วนจาก
Nurses facing probes ‘stressed and suicidal’ (Irish Examiner, 4/5/2018)

[full-post]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.