ผู้เชี่ยวชาญหลายคนในสหรัฐฯ มองว่าความคืบหน้าด้านความสัมพันธ์ทางศิลปะและการศึกษา ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน มีผลดีทั้งทางทางเศรษฐกิจเเละวัฒนธรรมต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ

Chris Fenton ผู้ก่อตั้งสถาบันสหรัฐฯ - เอเชีย และประธาน DMG Entertainment กล่าวว่า เมื่อคนจากสองประเทศร่วมมือกันผลิตผลงานทางศิลปะ ก็มีผลดีทางจิตใจและทำให้คนเป็นมิตรกันมากขึ้น

ในเดือนสิงหาคมนี้ Fenton จะพากลุ่มนักกฏหมายชาวอเมริกันเดินทางไปจีน เพื่อเยี่ยมชมธุรกิจด้านบันเทิงและสื่อมวลชนที่กำลังเติบโต ด้วยความหวังว่าจะมีการลงทุนในวงการฮอลลีวู้ดของสหรัฐฯ มากขึ้น

นอกจากนี้จีนยังได้ลงทุนทางด้านการสอนภาษาและวัฒนธรรมจีนแก่คนอเมริกัน ผ่านสถาบันภาษาเเละวัฒนธรรมจีน Confucius Institute อีกด้วย

Carol Chen ครูสอนภาษาจีนแก่เด็กเตรียมประถมในโรงเรียน Broadway ในสหรัฐฯ กล่าวว่า สถาบัน Confucius แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตลอสเองเจลลีส หรือ UCLA เป็นแหล่งข้อมูลด้านภาษาเเละวัฒนธรรมจีนที่ดีสำหรับตัวเองเเละเด็กนักเรียน ซึ่งทางสถาบันเคยนำคณะเเสดงเต้นรำพื้นบ้านจากจีนมาเเสดงให้ชมที่สหรัฐฯ

สถาบันภาษาเเละวัฒนธรรมจีน Confucius Institutes ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลจีนและมีอยู่ถึงเกือบ 500 เเห่งทั่วสหรัฐฯ ส่วนมากตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยต่างๆ

ที่มหาวิทยาลัย UCLA สถาบันภาษาเเละวัฒนธรรมจีนได้ประโยชน์จากชุมชนท้องถิ่นที่พูดภาษาจีนเเมนดารินเพื่อฝึกสอนและพัฒนาครูสอนภาษาจีน และยังจัดโครงการเเลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่เน้นทางศิลปะ

Susan Pertel Jain ผู้อำนวยการบริหารแห่งสถาบันภาษาเเละวัฒนธรรมจีน Confucius Institute ที่มหาวิทยาลัย UCLA กล่าวว่า การนำศิลปินมาร่วมโครงการมากขึ้นเเละได้เรียนรู้วัฒนธรรมของกันเเละกัน ก็เหมือนกับการฝึกและพัฒนานักการทูตรุ่นใหม่

แต่ Perry Link นักวิชาการชาวสหรัฐฯ และผู้ไม่เห็นด้วย กล่าวว่า สภาบันภาษาและวัฒนธรรมจีนเป็นตัวอย่างหนึ่งของการใช้อำนาจนุ่ม หรือ soft power ของจีน

เขากล่าวว่า อำนาจนุ่มเป็นการใช้วัฒนธรรมและการศึกษาเป็นเครื่องมือในการปรับเปลี่ยนทัศนคติของคนต่างชาติที่มีต่อประเทศของตนให้เป็นมิตรมากขึ้น

แต่ Link นักวิชาการอเมริกัน กล่าวว่า การมีสถาบันภาษาและวัฒนธรรมจีนตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยเป็นเรื่องอันตราย เพราะมักจำกัดอิสรภาพของนักวิชาการในการถกประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในจีน

ด้าน Jain ผู้อำนวยการบริหารแห่งสถาบันภาษาและวัฒนธรรมจีน Confucius ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเลตลอสเองเจลลีส กล่าวว่าทางสถาบันที่ UCLA ไม่ปิดกั้นการถกประเด็นละเอียดอ่อนเกี่ยวกับจีน โดยทางสถาบันนำเสนอผลงานของบรรดาศิลปินที่อาจจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มต่อต้านรัฐบาลจีน หรือนำเสนอภาพยนตร์หรือสารคดีที่รัฐบาลจีนไม่อนุมัติอย่างเป็นทางการ

เเต่ทางสถาบันจะแจ้งให้เพื่อนร่วมงานในจีนรู้เสมอว่า ทางสถาบันสัญญาที่จะนำเสนอข้อมูลอย่างยุติธรรมและสมดุล

ในอดีตที่ผ่านมา ภาพยนตร์ของฮอลลีวู้ดหลายเรื่องก็เป็นตัวอย่างของการใช้อำนาจนุ่มของอเมริกา

Chris Fenton ผู้ก่อตั้งสถาบันสหรัฐฯ - เอเชีย และประธาน DMG Entertainment กล่าวว่า ฮอลลีวู้ดต้องมีการเซ็นเซอร์ตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะหากไม่ทำเช่นนั้น ภาพยนตร์ก็จะขายในจีนไม่ได้

ปัจจุบัน จีนเกือบจะกลายเป็นตลาดโลกอันดับเเรกของภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด เพราะสร้างรายได้ราว 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเป็นตลาดที่บรรดาผู้บริหารของฮอลลีวู้ดต้องการเป็นอย่างมาก ดังนั้นหากจีนปิดตลาดไม่รับผลงานภาพยนตร์ของฮอลลีวู้ดเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ผลเสียทางการเงินจะตามมาอย่างเเน่นอน


source ;- http://rferl.c.goolara.net/Click.aspx?id=066991655305419176

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.