Posted: 28 Jun 2017 10:38 AM PDT  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)

เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ ออกแถลงการณ์ เรียกร้องตั้งผู้มีความรู้และความเข้าใจปัญหากระบวนการยุติธรรมทางอาญาในระดับสากลเป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ


28 มิ.ย. 2560 เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ (Police Watch) ออกแถลงการณ์ เรื่อง ขอให้พิจารณาแต่งตั้งผู้มีความรู้และความเข้าใจปัญหากระบวนการ ยุติธรรมทางอาญาในระดับสากลเป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ โดยระบุว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า เรื่องการปฏิรูปตำรวจกำลังอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ ทั้งในส่วนของรัฐบาลเองโดยให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายรับผิดชอบ รวมทั้งการแต่งตั้งบุคคลเป็นคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 260 ซึ่งยังไม่สามารถแถลงให้ประชาชนทราบได้ในขณะนี้ เนื่องจากยังไม่ชัดเจนนั้น

เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ เห็นว่า ปัญหาตำรวจที่สำคัญซึ่งประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างรุนแรงมาอย่างต่อเนื่องยาวนานก็คือ ความยุติธรรมในการสอบสวนคดีอาญา อันเนื่องมาจากขาดการตรวจสอบจากพนักงานอัยการระหว่างสอบสวน ไม่สอดคล้องกับหลักการในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาสากล ก่อให้เกิดปัญหาพนักงานสอบสวนถูกผู้บังคับบัญชาตำรวจสั่งไม่ให้รับคำร้องทุกข์จากประชาชนเพื่อลดสถิติคดี หรือให้แจ้งข้อหาแก่บุคคลโดยไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่ากระทำผิดเพื่อปิดคดี หรือการสอบสวนที่ไม่มีประสิทธิภาพในการหาตัวผู้กระทำผิดเสนอให้อัยการสั่งงดสอบสวน หรือแม้กระทั่งการสอบสวนทำลายพยานหลักฐานเพื่อเสนอให้พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง หรือเมื่อสั่งฟ้องแล้วในที่สุดศาลพิพากษายกฟ้อง รวมทั้งกรณีที่มีผู้ต้องขังร้องเรียนว่าศาลได้พิพากษาลงโทษตนทั้งที่เป็นผู้บริสุทธิ์ หรือ ตกเป็น ”แพะรับบาป” และพยายามรวบรวมหลักฐานนำไปเสนอศาลให้รื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่นับร้อยราย ไม่ว่าจะเป็นกรณีคดี ครูจอมทรัพย์ คดีสองสามีภรรยาเก็บเห็ด เป็นต้น

ปัญหาการสอบสวนที่ไม่ได้เป็นไปด้วยความสุจริตและมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริงดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมทางอาญาของประเทศและสั่นคลอนความมั่นคงของชาติอย่างร้ายแรง การปฏิรูปตำรวจครั้งนี้หากประสบความสำเร็จจะจุดเปลี่ยนสำคัญในการแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง แต่หากล้มเหลวจะทำให้สังคมไทยติดหล่มไปอีกนาน ซึ่งคุณสมบัติของประธานกรรมการปฏิรูปตำรวจ จะเป็นตัวบ่งชี้ถึงทิศทางการปฏิรูปว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว

เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ (Police Watch) จึงขอเรียกร้องมายังท่านนายกรัฐมนตรีได้โปรดพิจารณาว่า ในการคัดเลือกและแต่งตั้งบุคคลผู้จะเป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 260 นี้ นอกจากจะต้องเป็นผู้มีความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่มีประวัติด่างพร้อย และมีความกล้าหาญทางจริยธรรมเป็นที่ประจักษ์แล้ว คุณสมบัติสำคัญที่สุดก็คือ จะต้องเป็นมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการของกระบวนการยุติธรรมทางอาญาในระดับสากลเป็นที่เชื่อถือยอมรับของผู้คนทั้งนักวิชาการและประชาชนทั่วไปทุกระดับด้วย รวมทั้งขอเน้นให้ดำเนินการปฏิรูปตำรวจและระบบงานสอบสวนดังนี้

1. โอนหน่วยตำรวจที่มีกระทรวงทบวงกรมต่างๆ เป็นเจ้าพนักงานตามกฏหมาย 9 หน่วยไปรับผิดชอบตามมติ สปช.และผ่านความเห็นชอบตามมติครม.แล้วเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2558

2. ให้พนักงานอัยการมีอำนาจตรวจสอบควบคุมการสอบสวนคดีอาญาสำคัญหรือคดีที่มีโทษจำคุกเกินสิบปี หรือเมื่อมีประชาชนร้องเรียนตั้งแต่เริ่มคดี

3. การออกหมายเรียกบุคคลมาแจ้งข้อหาหรือเสนอศาลออกหมายจับให้เสนอพนักงานอัยการให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการ

4. ปรับระบบงานสอบสวนและพนักงานสอบสวนออกจากโครงสร้างองค์กรแบบมีชั้นยศแบบทหารที่ไม่สอดคล้องกับลักษณะงาน กำหนดหลักประกันความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่และการใช้ดุลยพินิจทางคดีของพนักงานสอบสวนให้เป็นไปตามพยานหลักฐานและกฎหมายในลักษณะเดียวกับพนักงานอัยการ

สุดท้ายนี้ เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจหวังว่าข้อเสนอ ทั้งการคัดเลือกบุคคลผู้จะแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการ รวมทั้งแนวทางปฏิรูปตำรวจและระบบงานสอบสวนตามข้อ 1 – 4 จะได้รับการพิจาณาจากท่านและเร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมเพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหาตำรวจและกระบวนการยุติธรรมทางอาญาที่ไม่เป็นธรรมโดยเร็ว

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.