ทหารสหรัฐอเมริกาที่กรุงแบกแดด วันที่ 13 พ.ย. 2546 (ที่มา: แฟ้มภาพ/John L. Houghton/archives.gov/Wikipedia)
Posted: 22 Mar 2018 05:05 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)
ในช่วงครบรอบ 15 ปี ที่สหรัฐฯ บุกอิรัก กลุ่มพิทักษ์สิทธิตามรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ระบุว่าสงครามได้สร้างความเสียหายต่อพลเรือนจำนวนมาก เปิดโอกาสให้มีการก่ออาชญากรรมสงคราม โดยเรียกร้องให้ชดเชยความเสียหายต่อผู้รอดชีวิตจากสงคราม รวมทั้งเรียกร้องสันติภาพระดับโลก
กลุ่มพิทักษ์สิทธิตามรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ (CCR) ที่มีสำนักงานในนิวยอร์กออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่ผ่านมาเรียกร้องให้มีความสนใจในการสูญเสียชีวิตของปะชาชนที่เกิดจากสงครามอิรัก รวมถึงการที่เจ้าหน้าที่และบรรษัทต่างๆ ไม่ได้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่พวกเขาก่อไว้
สหรัฐฯ เริ่มสงครามอิรักมาตั้งแต่ปี 2546 กลุ่ม CCR มองว่าการที่สหรัฐฯ เข้าไปทำสงครามในตะวันออกกลางเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ส่งผลให้เกิดกลุ่มก่อการร้ายอย่างไอซิสขึ้น จากการทำให้เกิดการแบ่งแยกทางนิกายศาสนา และการตั้งคุกสหรัฐฯ ในอิรักการสู้รบยังส่งผลให้เกิดวิกฤตผู้ลี้ภัย รวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นทางสุขภาพและทางจิตใจต่อผู้คนที่มีส่วนร่วมในการสู้รบ
ถึงแม้ว่าบารัก โอบามา จะเคยอ้างว่าสงครามอิรักจบลงแล้วในปี 2554 แต่ในความเป็นจริงพื้นที่อิรักยังคงมีสงครามที่สหรัฐฯ มีส่วนร่วมอยู่ และจากการปฏิบัติการทางอากาศเพื่อโจมตีกลุ่มไอซิสโดยสหรัฐฯ ก็ทำให้เกิดความเสียหายต่อพลเรือนจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามกลุ่ม CCR ก็แถลงว่าในอิรักเองก็มีกลุ่มแนวทางก้าวหน้าที่ยังคงดำเนินกิจกรรมเรียกร้องความยุติธรรมและความก้าวหน้าในประเด็นต่างๆ ของพวกเขาต่อไปถึงแม้ว่าต้องเผชิญความยากลำบาก ทำให้กลุ่ม CCR แสดงตัวว่าพวกเขาก็จะร่วมกับกลุ่มหัวก้าวหน้าในอิรักช่วยเรียกร้องให้มีการชดเชยและการให้สหรัฐฯ รับผิดชอบต่อการกระทำในอิรัก อีกทั้งยังแถลงว่าในยุคสมัยนี้เป็ยยุคสมัยที่ต้องการการเคลื่อนไหวต่อต้านสงครามมากกว่าเดิม
แถลงการณ์ของ CCR ออกมาหลังจากที่องค์กรฝ่ายก้าวหน้าทำการประชุมผ่านวิดีโอเปิดเผยว่า "เพราะสงครามกระทบพวกเราทั้งหมด และการเรียกร้องสันติภาพควรจะมาจากทุกที่"
องค์กรที่ชื่อโกลบอลคอลล์ฟอร์พีซซึ่งมี เบอร์นี แซนเดอร์ส ส.ว. หัวก้าวหน้าของพรรคเดโมแครตเข้าร่วมด้วย แซนเดอร์สแถลงว่าประชาชนในสหรัฐฯ และทั่วโลกต่างก็เบื่อหน่ายการใช้เงินนับหลายพันล้านไปกับการซื้ออาวุธต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธนิวเคลียร์, เครื่องบินรบ, ขีปนาวุธ, ระเบิด, และรถถัง ทำให้ประชาชนควรจะร่วมมือกันในการเรียกร้องสันติภาพแทนสงครามและเรียกร้องการพัฒนาทางการทำลายล้าง
ราเอ็ด จาร์ราร์ ผู้อำนวยการฝ่ายรณรงค์ประเด็นตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือประจำแอมเนสตีอินเตอร์เนชันแนลสหรัฐฯ กล่าวว่าในขณะที่ผู้คนกังวลเรื่องอาจจะเกิดสงครามกับเกาหลีเหนือ ควรจะมีการมองผลกระทบของสงครามที่เกิดกับมนุษย์ให้มากขึ้น นอกจากชาวอิรักจะเสียชีวิตเป็นจำนวนมากในช่วงสงครามอิรัก การสู้รบยังส่งผลกระทบถึงประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นผู้ลี้ภัยชาวอิรักที่ลี้ภัยไปยังประเทศใกล้เคียง หรือการที่สหรัฐฯ เข้าไปสร้างการแบ่งแยกนิกายในพื้นที่นั้นทำให้ความขัดแย้งลุกลามไปอีก จาร์ราร์จึงเสนอให้มีการเปิดโปงความน่ารังเกียจของสงครามและให้ขบวนการต่อต้านสงครามใช้มุมมองแบบอำนาจทับซ้อนหลายมิติร่วมมือกับผู้ถูกกดขี่ในประเด็นต่างๆก็อาจจะประสบความสำเร็จ
เรียบเรียงจาก
15 Years After Invasion, Demands for Iraq War Reparations, New Global Peace Movement, Common Dreams, 19-03-2018
ในช่วงครบรอบ 15 ปี ที่สหรัฐฯ บุกอิรัก กลุ่มพิทักษ์สิทธิตามรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ระบุว่าสงครามได้สร้างความเสียหายต่อพลเรือนจำนวนมาก เปิดโอกาสให้มีการก่ออาชญากรรมสงคราม โดยเรียกร้องให้ชดเชยความเสียหายต่อผู้รอดชีวิตจากสงคราม รวมทั้งเรียกร้องสันติภาพระดับโลก
กลุ่มพิทักษ์สิทธิตามรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ (CCR) ที่มีสำนักงานในนิวยอร์กออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่ผ่านมาเรียกร้องให้มีความสนใจในการสูญเสียชีวิตของปะชาชนที่เกิดจากสงครามอิรัก รวมถึงการที่เจ้าหน้าที่และบรรษัทต่างๆ ไม่ได้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่พวกเขาก่อไว้
สหรัฐฯ เริ่มสงครามอิรักมาตั้งแต่ปี 2546 กลุ่ม CCR มองว่าการที่สหรัฐฯ เข้าไปทำสงครามในตะวันออกกลางเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ส่งผลให้เกิดกลุ่มก่อการร้ายอย่างไอซิสขึ้น จากการทำให้เกิดการแบ่งแยกทางนิกายศาสนา และการตั้งคุกสหรัฐฯ ในอิรักการสู้รบยังส่งผลให้เกิดวิกฤตผู้ลี้ภัย รวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นทางสุขภาพและทางจิตใจต่อผู้คนที่มีส่วนร่วมในการสู้รบ
ถึงแม้ว่าบารัก โอบามา จะเคยอ้างว่าสงครามอิรักจบลงแล้วในปี 2554 แต่ในความเป็นจริงพื้นที่อิรักยังคงมีสงครามที่สหรัฐฯ มีส่วนร่วมอยู่ และจากการปฏิบัติการทางอากาศเพื่อโจมตีกลุ่มไอซิสโดยสหรัฐฯ ก็ทำให้เกิดความเสียหายต่อพลเรือนจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามกลุ่ม CCR ก็แถลงว่าในอิรักเองก็มีกลุ่มแนวทางก้าวหน้าที่ยังคงดำเนินกิจกรรมเรียกร้องความยุติธรรมและความก้าวหน้าในประเด็นต่างๆ ของพวกเขาต่อไปถึงแม้ว่าต้องเผชิญความยากลำบาก ทำให้กลุ่ม CCR แสดงตัวว่าพวกเขาก็จะร่วมกับกลุ่มหัวก้าวหน้าในอิรักช่วยเรียกร้องให้มีการชดเชยและการให้สหรัฐฯ รับผิดชอบต่อการกระทำในอิรัก อีกทั้งยังแถลงว่าในยุคสมัยนี้เป็ยยุคสมัยที่ต้องการการเคลื่อนไหวต่อต้านสงครามมากกว่าเดิม
แถลงการณ์ของ CCR ออกมาหลังจากที่องค์กรฝ่ายก้าวหน้าทำการประชุมผ่านวิดีโอเปิดเผยว่า "เพราะสงครามกระทบพวกเราทั้งหมด และการเรียกร้องสันติภาพควรจะมาจากทุกที่"
องค์กรที่ชื่อโกลบอลคอลล์ฟอร์พีซซึ่งมี เบอร์นี แซนเดอร์ส ส.ว. หัวก้าวหน้าของพรรคเดโมแครตเข้าร่วมด้วย แซนเดอร์สแถลงว่าประชาชนในสหรัฐฯ และทั่วโลกต่างก็เบื่อหน่ายการใช้เงินนับหลายพันล้านไปกับการซื้ออาวุธต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธนิวเคลียร์, เครื่องบินรบ, ขีปนาวุธ, ระเบิด, และรถถัง ทำให้ประชาชนควรจะร่วมมือกันในการเรียกร้องสันติภาพแทนสงครามและเรียกร้องการพัฒนาทางการทำลายล้าง
ราเอ็ด จาร์ราร์ ผู้อำนวยการฝ่ายรณรงค์ประเด็นตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือประจำแอมเนสตีอินเตอร์เนชันแนลสหรัฐฯ กล่าวว่าในขณะที่ผู้คนกังวลเรื่องอาจจะเกิดสงครามกับเกาหลีเหนือ ควรจะมีการมองผลกระทบของสงครามที่เกิดกับมนุษย์ให้มากขึ้น นอกจากชาวอิรักจะเสียชีวิตเป็นจำนวนมากในช่วงสงครามอิรัก การสู้รบยังส่งผลกระทบถึงประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นผู้ลี้ภัยชาวอิรักที่ลี้ภัยไปยังประเทศใกล้เคียง หรือการที่สหรัฐฯ เข้าไปสร้างการแบ่งแยกนิกายในพื้นที่นั้นทำให้ความขัดแย้งลุกลามไปอีก จาร์ราร์จึงเสนอให้มีการเปิดโปงความน่ารังเกียจของสงครามและให้ขบวนการต่อต้านสงครามใช้มุมมองแบบอำนาจทับซ้อนหลายมิติร่วมมือกับผู้ถูกกดขี่ในประเด็นต่างๆก็อาจจะประสบความสำเร็จ
เรียบเรียงจาก
15 Years After Invasion, Demands for Iraq War Reparations, New Global Peace Movement, Common Dreams, 19-03-2018
แสดงความคิดเห็น