ที่มาภาพ บ่ายโมง ตรงประเด็นภาพ
Posted: 31 Aug 2018 06:22 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Fri, 2018-08-31 20:22
ผู้ว่าฯ จ.ประจวบฯ ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงสำนักพระราชวัง เพื่อกราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษ จากกรณีต้นศรีมหาโพธิ์ทรงปลูกถูกตัดโค่น พร้อมตั้ง กก.สอบ สำนักพุทธฯ เผยสอบย้อนหลังไม่พบหนังสือราชการแจ้งมอบที่ดินให้วัด กรมป่าไม้ เตรียมเพาะเนื้อเยื่อให้แตกตาเกิดต้นใหม่
จากกรณีการตัดและถอนตอต้นศรีมหาโพธิ์ อายุกว่า 60 ปี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงปลูกภายในวัดธรรมิการามวรวิหาร หรือ วัดเขาช่องกระจก ในเขตเทศบาลเมือง ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่ 12 มิ.ย.2501 นั้น
วานนี้ (30 ส.ค.61) พัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงสำนักพระราชวัง เพื่อกราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษ จากกรณีต้นศรีมหาโพธิ์ทรงปลูกถูกตัดโค่น และจังหวัดไม่ได้รายงานให้หน่วยงานใดที่เกี่ยวข้องรับทราบมาก่อนตามธรรมเนียมปฏิบัติ
นอกจากนั้นได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเยียวยาฟื้นฟูสภาพต้นศรีมหาโพธิ์ให้กลับคืนสู่สภาพปกติ และจัดทำโครงสร้างเพื่อป้องกันลำต้นได้รับผลกระทบ รวมทั้งสั่งการให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบต้นไม้ทรงปลูกในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทั้งหมด เพื่อขึ้นทะเบียนและดูแลรักษาให้อยู่สภาพสมบูรณ์สมพระเกียรติ ทั้งนี้จังหวัดจะเร่งดำเนินการทุกด้าน เพื่อให้มีผลกระทบเกิดขึ้นน้อยที่สุด ส่วนซากกิ่งไม้ได้สั่งการให้เก็บไว้ในสถานที่ที่สมพระเกียรติแล้ว
“ช่วงกลางเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาได้เดินขึ้นเขาช่องกระจกเพื่อกราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุโดยพบว่าต้นศรีมหาโพธิ์ทรงปลูก มีสภาพทรุดโทรม จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด แจ้งถึงทีมหมอต้นไม้ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญจากกรมป่าไม้ ตรวจสอบพบว่าได้แจ้งเมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่เดินทางมาตรวจสอบ ก็ไม่คาดคิดว่าเจ้าอาวาสวัดจะตัดและขุดรากต้นโพธิ์ขึ้นมาทั้งหมด เชื่อว่าท่านอาจจะมองจากลักษณะภายนอก แต่เปลือกนอกยังมีสีเขียว ดังนั้นต้นไม้อาจจะยังไม่ตาย การกระทำดังกล่าวยอมรับว่าท่านไม่ได้ปรึกษาใคร ถ้าท่านบอกผมก่อนก็คงไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ไม่มีความเสียหายกระทบความรู้สึกของประชาชน” ผู้ว่าฯ จ.ประจวบฯ กล่าว
เพาะเนื้อเยื่อให้แตกตาเกิดต้นใหม่
ล่าสุดวันนี้ (31 ส.ค.61) คงศักดิ์ มีแก้ว รักษาการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิจัยการจัดการป่าไม้ สำนักวิจัย กรมป่าไม้ เปิดเผยถึงการฟื้นฟูซากต้นศรีมหาโพธิ์ดังกล่าวว่า ขณะนี้ได้นำซากต้นศรีมหาโพธิ์ไปอนุบาลบริเวณหน้าศูนย์การเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ตามแนวพระราชดำริ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถนนสวนสน–อ่าวน้อย เขตเทศบาลฯ โดยมีการประกอบพิธีบวงสรวงขอขมา จากนั้นจะนำลงดินที่เตรียมไว้พร้อมใช้ตาข่ายคลุม เพื่อรักษาความชื้น และทีมนักวิชาการจะนำเนื้อเยื่อเพาะบ่มและทำการรักษาเพื่อป้องกันเชื้อรา คาดหวังว่าจะมีการแตกตาขึ้นใหม่ และจะพัฒนาเป็นลำต้นใหม่ต่อไปในอนาคต เพราะยังมีเนื้อเยื่อบางส่วนคงอยู่ แม้จะเหลือน้อยมาก และคาดว่าใช้เวลา 2-3 เดือน จะเห็นความคืบหน้า
คงศักดิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับรากที่เหลือภายในดินบริเวณโคนต้นเดิม ทีมนักวิชาการจะดูแลอย่างดีเช่นกัน ส่วนต้นพันธุ์ขนาดเล็กที่งอกในซอกหินใกล้ต้นเดิมนั้น ได้แจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ทราบแล้วเพื่อขอดูแล จากนั้นจะทำมาสเตอร์ดีเอ็นเอของต้นแม่ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับต้นพันธุ์ขนาดเล็กว่าเป็นต้นที่เกิดจากเมล็ดของต้นเดิมหรือไม่ ซึ่งต่อไปอาจพิจารณานำมาปลูกทดแทนต้นเดิม สำหรับต้นศรีมหาโพธิ์เป็นต้นไม้มีความเสี่ยงกับภาวะทรุดโทรมน้อยมาก แต่บนยอดเขาช่องกระจกระบบรากถูกจำกัด ประกอบกับได้รับผลกระทบจากสภาวะภัยแล้งที่ผ่านมา แต่ล่าสุดพบว่าระบบรากสามารถพัฒนาได้ แม้จะเป็นความหวังน้อย แต่ทุกฝ่ายยังมีความหวังจากการใช้เทคโนโลยีทันสมัยทุกด้าน ยืนยันว่าจะดูแลรักษาต้นไม้ต้นนี้อย่างเต็มความสามารถ
สำนักพุทธฯ เผยสอบย้อนหลังไม่พบหนังสือราชการแจ้งมอบที่ดินให้วัด
วิวัฒน์ วันกุมภา ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา (พศ.จ.) จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯเปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการฯยังไม่สามารถหาข้อสรุปว่ามีหน่วยงานรัฐใดเป็นผู้ดูแลพื้นที่ หรือมอบพื้นที่บนเขาช่องกระจกให้วัดธรรมิการามวรวิหาร พระอารามหลวง ในฐานะนิติบุคคลเป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่ภูเขาที่มีความชันเกิน 35 องศา และจากการตรวจข้อมูลย้อนหลังไม่พบหนังสือราชการแจ้งมอบที่ดินให้วัดเป็นลายลักษณ์อักษรแต่อย่างใด จึงขอเรียนว่าปัจจุบันที่ดินบนเขาช่องกระจกไม่ได้อยู่ในความครอบครองของวัด แต่จากการสอบถามพระราชสุทธิโมลี เจ้าคณะจังหวัดฝ่ายธรรมยุติ เจ้าอาวาสวัดยืนยันว่าเมื่อหลายปีก่อนมีอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดรายหนึ่งแจ้งด้วยวาจาให้วัดดูแลพื้นที่บนช่องกระจกเนื่องจากมีการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและมีการก่อสร้างที่พักสงฆ์ ทั้งนี้หากมีหน่วยงานใดแจ้งความดำเนินคดีกับวัด หน่วยงานตามกฎหมายที่มีหน้าที่รับผิดชอบพื้นที่เขาช่องกระจกไม่จำเป็นต้องแจ้งให้สำนักงาน พศ.จ.ทราบล่วงหน้า และล่าสุดได้รายงานข้อเท็จจริงให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทราบกรณีการตัดต้นพระศรีมหาโพธิ์ วัดธรรมิการามไม่ได้แจ้งให้ พศ.จ.ทราบล่วงหน้า
สวง สุดประเสริฐ หัวหน้าสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.จ.) จ.ประจวบฯกล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ประจวบคีรีขันธ์ ยังไม่พบเอกสารการครอบครองที่ดินเพื่อยืนยันว่ามีหน่วยงานใดอนุญาตให้วัดธรรมิกาารามใช้ที่ดินบนเขาช่องกระจก หลังจากที่ผ่านมาวัดได้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวมานาน สำหรับการใช้งบประมาณปรับปรุงภูมิทัศน์บนยอดเขาช่องกระจกที่หลายฝ่ายมีความเห็นว่าอาจจะมีผลกระทบกับต้นพระศรีมหาโพธิ์ ขอให้สอบถามจากสำนักงานโยธาธิการจังหวัดว่า ก่อนการใช้งบประมาณได้ขออนุญาตใช้พื้นที่จากหน่วยงานใดหรือไม่
ที่มา : สำนักข่าวไทย มติชนออนไลน์ บ้านเมืองและแนวหน้า
Submitted on Fri, 2018-08-31 20:22
ผู้ว่าฯ จ.ประจวบฯ ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงสำนักพระราชวัง เพื่อกราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษ จากกรณีต้นศรีมหาโพธิ์ทรงปลูกถูกตัดโค่น พร้อมตั้ง กก.สอบ สำนักพุทธฯ เผยสอบย้อนหลังไม่พบหนังสือราชการแจ้งมอบที่ดินให้วัด กรมป่าไม้ เตรียมเพาะเนื้อเยื่อให้แตกตาเกิดต้นใหม่
จากกรณีการตัดและถอนตอต้นศรีมหาโพธิ์ อายุกว่า 60 ปี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงปลูกภายในวัดธรรมิการามวรวิหาร หรือ วัดเขาช่องกระจก ในเขตเทศบาลเมือง ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่ 12 มิ.ย.2501 นั้น
วานนี้ (30 ส.ค.61) พัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงสำนักพระราชวัง เพื่อกราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษ จากกรณีต้นศรีมหาโพธิ์ทรงปลูกถูกตัดโค่น และจังหวัดไม่ได้รายงานให้หน่วยงานใดที่เกี่ยวข้องรับทราบมาก่อนตามธรรมเนียมปฏิบัติ
นอกจากนั้นได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเยียวยาฟื้นฟูสภาพต้นศรีมหาโพธิ์ให้กลับคืนสู่สภาพปกติ และจัดทำโครงสร้างเพื่อป้องกันลำต้นได้รับผลกระทบ รวมทั้งสั่งการให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบต้นไม้ทรงปลูกในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทั้งหมด เพื่อขึ้นทะเบียนและดูแลรักษาให้อยู่สภาพสมบูรณ์สมพระเกียรติ ทั้งนี้จังหวัดจะเร่งดำเนินการทุกด้าน เพื่อให้มีผลกระทบเกิดขึ้นน้อยที่สุด ส่วนซากกิ่งไม้ได้สั่งการให้เก็บไว้ในสถานที่ที่สมพระเกียรติแล้ว
“ช่วงกลางเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาได้เดินขึ้นเขาช่องกระจกเพื่อกราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุโดยพบว่าต้นศรีมหาโพธิ์ทรงปลูก มีสภาพทรุดโทรม จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด แจ้งถึงทีมหมอต้นไม้ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญจากกรมป่าไม้ ตรวจสอบพบว่าได้แจ้งเมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่เดินทางมาตรวจสอบ ก็ไม่คาดคิดว่าเจ้าอาวาสวัดจะตัดและขุดรากต้นโพธิ์ขึ้นมาทั้งหมด เชื่อว่าท่านอาจจะมองจากลักษณะภายนอก แต่เปลือกนอกยังมีสีเขียว ดังนั้นต้นไม้อาจจะยังไม่ตาย การกระทำดังกล่าวยอมรับว่าท่านไม่ได้ปรึกษาใคร ถ้าท่านบอกผมก่อนก็คงไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ไม่มีความเสียหายกระทบความรู้สึกของประชาชน” ผู้ว่าฯ จ.ประจวบฯ กล่าว
เพาะเนื้อเยื่อให้แตกตาเกิดต้นใหม่
ล่าสุดวันนี้ (31 ส.ค.61) คงศักดิ์ มีแก้ว รักษาการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิจัยการจัดการป่าไม้ สำนักวิจัย กรมป่าไม้ เปิดเผยถึงการฟื้นฟูซากต้นศรีมหาโพธิ์ดังกล่าวว่า ขณะนี้ได้นำซากต้นศรีมหาโพธิ์ไปอนุบาลบริเวณหน้าศูนย์การเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ตามแนวพระราชดำริ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถนนสวนสน–อ่าวน้อย เขตเทศบาลฯ โดยมีการประกอบพิธีบวงสรวงขอขมา จากนั้นจะนำลงดินที่เตรียมไว้พร้อมใช้ตาข่ายคลุม เพื่อรักษาความชื้น และทีมนักวิชาการจะนำเนื้อเยื่อเพาะบ่มและทำการรักษาเพื่อป้องกันเชื้อรา คาดหวังว่าจะมีการแตกตาขึ้นใหม่ และจะพัฒนาเป็นลำต้นใหม่ต่อไปในอนาคต เพราะยังมีเนื้อเยื่อบางส่วนคงอยู่ แม้จะเหลือน้อยมาก และคาดว่าใช้เวลา 2-3 เดือน จะเห็นความคืบหน้า
คงศักดิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับรากที่เหลือภายในดินบริเวณโคนต้นเดิม ทีมนักวิชาการจะดูแลอย่างดีเช่นกัน ส่วนต้นพันธุ์ขนาดเล็กที่งอกในซอกหินใกล้ต้นเดิมนั้น ได้แจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ทราบแล้วเพื่อขอดูแล จากนั้นจะทำมาสเตอร์ดีเอ็นเอของต้นแม่ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับต้นพันธุ์ขนาดเล็กว่าเป็นต้นที่เกิดจากเมล็ดของต้นเดิมหรือไม่ ซึ่งต่อไปอาจพิจารณานำมาปลูกทดแทนต้นเดิม สำหรับต้นศรีมหาโพธิ์เป็นต้นไม้มีความเสี่ยงกับภาวะทรุดโทรมน้อยมาก แต่บนยอดเขาช่องกระจกระบบรากถูกจำกัด ประกอบกับได้รับผลกระทบจากสภาวะภัยแล้งที่ผ่านมา แต่ล่าสุดพบว่าระบบรากสามารถพัฒนาได้ แม้จะเป็นความหวังน้อย แต่ทุกฝ่ายยังมีความหวังจากการใช้เทคโนโลยีทันสมัยทุกด้าน ยืนยันว่าจะดูแลรักษาต้นไม้ต้นนี้อย่างเต็มความสามารถ
สำนักพุทธฯ เผยสอบย้อนหลังไม่พบหนังสือราชการแจ้งมอบที่ดินให้วัด
วิวัฒน์ วันกุมภา ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา (พศ.จ.) จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯเปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการฯยังไม่สามารถหาข้อสรุปว่ามีหน่วยงานรัฐใดเป็นผู้ดูแลพื้นที่ หรือมอบพื้นที่บนเขาช่องกระจกให้วัดธรรมิการามวรวิหาร พระอารามหลวง ในฐานะนิติบุคคลเป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่ภูเขาที่มีความชันเกิน 35 องศา และจากการตรวจข้อมูลย้อนหลังไม่พบหนังสือราชการแจ้งมอบที่ดินให้วัดเป็นลายลักษณ์อักษรแต่อย่างใด จึงขอเรียนว่าปัจจุบันที่ดินบนเขาช่องกระจกไม่ได้อยู่ในความครอบครองของวัด แต่จากการสอบถามพระราชสุทธิโมลี เจ้าคณะจังหวัดฝ่ายธรรมยุติ เจ้าอาวาสวัดยืนยันว่าเมื่อหลายปีก่อนมีอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดรายหนึ่งแจ้งด้วยวาจาให้วัดดูแลพื้นที่บนช่องกระจกเนื่องจากมีการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและมีการก่อสร้างที่พักสงฆ์ ทั้งนี้หากมีหน่วยงานใดแจ้งความดำเนินคดีกับวัด หน่วยงานตามกฎหมายที่มีหน้าที่รับผิดชอบพื้นที่เขาช่องกระจกไม่จำเป็นต้องแจ้งให้สำนักงาน พศ.จ.ทราบล่วงหน้า และล่าสุดได้รายงานข้อเท็จจริงให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทราบกรณีการตัดต้นพระศรีมหาโพธิ์ วัดธรรมิการามไม่ได้แจ้งให้ พศ.จ.ทราบล่วงหน้า
สวง สุดประเสริฐ หัวหน้าสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.จ.) จ.ประจวบฯกล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ประจวบคีรีขันธ์ ยังไม่พบเอกสารการครอบครองที่ดินเพื่อยืนยันว่ามีหน่วยงานใดอนุญาตให้วัดธรรมิกาารามใช้ที่ดินบนเขาช่องกระจก หลังจากที่ผ่านมาวัดได้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวมานาน สำหรับการใช้งบประมาณปรับปรุงภูมิทัศน์บนยอดเขาช่องกระจกที่หลายฝ่ายมีความเห็นว่าอาจจะมีผลกระทบกับต้นพระศรีมหาโพธิ์ ขอให้สอบถามจากสำนักงานโยธาธิการจังหวัดว่า ก่อนการใช้งบประมาณได้ขออนุญาตใช้พื้นที่จากหน่วยงานใดหรือไม่
ที่มา : สำนักข่าวไทย มติชนออนไลน์ บ้านเมืองและแนวหน้า
แสดงความคิดเห็น