Posted: 28 Feb 2018 12:10 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)
เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ ปราศรัยประกาศสงครามในนามของอนาคต ต่อยุคสมัยเก่าและความคิดที่ล้าหลัง เชื่อพลังคนรุ่นใหม่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง แม้ไม่มีอำนาจจากปลายกระบอกปืน แต่มีหัวใจเป็นอาวุธ ย้ำกาลเวลาไม่เคยอยู่ข้างผู้กดขี่
เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2561 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (DRG) จัดงาน "ปากปราศรัย น้ำใจเชือดเผด็จการ: 3-2-1 ถึงเวลาเปลี่ยน" ภายในงานมีการจัดตลาดนัดช็อปช่วยทาส จำหน่ายอาหาร หนังสือ และสินค้าบางส่วนเพื่อสมทบทุนช่วยเหลือนักโทษการเมือง มีการตั้งป้ายคนสวมนาฬิการอเลือกตั้ง หีบเลือกตั้งจำลอง เพื่อให้ผู้ร่วมกิจกรรมถ่ายรูปด้วย ทั้งนี้มีการเล่นดนตรีสลับการปราศรัยท่ามกลางฝนตกในช่วงบ่าย โดยในการปราศรัย เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตเลขาธิการกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท ได้ประกาศสงครามในนามคนรุ่นใหม่ ความคิดใหม่ และยุคสมัยใหม่ ต่อคนรุ่นเก่าที่ยังมีความคิดล้าหลัง และแย่งชิงอนาคตไปจากคนรุ่นใหม่ ระบุกาลเวลาไม่เคยอยู่ข้างผู้กดขี่ พร้อมเชิญชวน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ออกมาต่อสู้เพื่อกำหนดอนาคตของตัวเอง
00000
เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่มาภาพจาก Banrasdr Photo
นี่คือสงครามระหว่างยุคสมัยใหม่ กับยุคสมัยเก่า นี่คือการปะทะกันระหว่างคนยุคเก่าที่กะโหลกกะลา ซึ่งอยู่ในทำเนียบรัฐบาลในตอนนี้ พวกเขาเป็นคนหัวเก่า รับใช้ความคิดแบบเก่า โตมากับโลกเก่า และโลกของพวกเขากำลังจะล้มสลาย ผู้ท้าชิงที่จะมาล้มพวกเขานั้นคือพวกเรา คือคนยุคใหม่ ที่มีหัวใหม่ และเติบโตมากับโลกแบบใหม่ และโลกของเรากำลังก่อกำเนิดขึ้นมา
ขอให้ลองสังเกตุดูนะครับ ถ้าใครไม่เชื่อผม ลองดูว่าขณะนี้ใน คสช. หรือใน ครม. มีคนรุ่นใหม่ไปนั่งสักกี่คน ไม่มี อายุเฉลี่ยของ สนช. สภาเฮงซวย อายุเฉลี่ยของคนที่มากำหนดอนาคตเราอีกนานแสนนานอยู่ที่ 64 ปี อายุเยอะที่สุดของ สนช. อยู่ที่ 92 ปี อ่อนที่สุดก็ปาไปแล้วตั้ง 51 ปี ไม่มีเด็กสักคน อนาคตของพวกเราไม่มีเพราะพวกเขาไม่ได้มาเพื่อสร้างอนาคต พูดตรงๆ วันก่อนผมเห็นกรรมการยุทธศาสตร์ชาติคนหนึ่งมาประชุมเดินเองไม่ได้ต้องมีคนพยุง ถ้าเป็นผมผมลาออกไปเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานแล้ว แต่ถามว่าทำไมพวกเขาถึงยังฟื้นสังขารมาทำอะไรที่โลกจะประณามเขาไปชั่วกัลปาวสานแบบนี้ ทำไมครับ เพราะพวกเขากลัวธรรมชาติ เขาฟื้นธรรมชาติ เพราะเขากลัวธรรมชาติที่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย พวกจะกอดเก้าอี้ที่พวกเขาอุตส่าห์แย่งชิงมาไปตลอด จนตายไปแล้วก็ยังไม่เลิกกอด
พี่น้องคงเห็นแล้วว่ามุมของยุคสมัยมันมาเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ของเราได้อย่างไร ทีนี้ผมจะอธิบายธรรมชาติของคนพวกนี้ว่าเป็นอย่างไร ในตอนนี้มันมีคนสองแบบ บางทีก็เป็นสองแบบในคนเดียว พวกหนึ่งคือ พวกที่นอนฝันถึงโลกเมื่อ 40 ปีที่แล้ว โลกเมื่อ 40 ปีที่แล้วมันเป็นอย่างไร มันเป็นโลกที่ทหารควบคุมประชาชน ข้าราชการเป็นเจ้านายประชาชน และคนรวยเป็นเจ้าชีวิตคนจน พวกเขาเคยชินกับโลกแบบนั้น และพวกเขาก็ฝันว่าเมื่อเขาแก่ตัวลงเขาจะได้ใช้อภิสิทธิ์แบบนั้นบ้าง พวกเขาเป็นเทวดาตกสวรรค์ที่พยายามตะเกียกตะกายไปสร้างวิมานบนหลังคน แต่อนิจจาถ้าคิดว่าอุดมการณ์ของพวกเราเป็นฝันลมๆ แล้งๆ แต่พวกเขาเป็นความฝันลมๆ แล้งๆ กว่าเราเสียงอีก เพราะกาลเวลาไม่เคยอยู่กับผู้กดขี่ โลกจะไม่เป็นไปตามที่เขาอยากให้เป็นอีกต่อไป พวกนี้ผมเรียกว่าเป็นพวกที่จมอยู่กับอดีต
คนอีกพวกหนึ่ง พวกนี้อยากมีชีวิตที่ดี แต่ตัวเองหวาดกลัว ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ ไม่มีความกล้าหาญ ไม่มีปัญญาแม้แต่จะคิดเพื่อจะเปลี่ยนแปลงอะไร และพวกเขาคิดไปเองว่าคนในสังคมจะดักดานเหมือนกับพวกเขา พวกนี้เลยไม่ยอมให้ใครเปลี่ยนแปลงอะไร ไม่ยอมแม้กระทั่งให้คนอื่นได้พูด โดยที่อ้างเสมอว่าเดี๋ยวจะเกิดความวุ่นวาย พวกนี้ไม่มีสมบัติผู้ดี เลยพูดจาดีๆ กันไม่เป็น พวกนี้คือกบที่อยู่ในกะลา กบที่อยู่ในกะลามันกลัวแสงแดด มันอยู่แต่ในที่มืดจนไม่รู้ว่าแสงแดดคืออะไร เมื่อมีใครจะเปิดกะลาให้มัน มันก็จะปิดเพราะมันกลัวแสงแดด คนพวกนี้ต่อให้มีทางออกให้มันก็ไม่ยอมออก
ผมจะยกตัวอย่างนักแต่งเพลงชื่อดังคนหนึ่ง ผมจะไม่เอ่ยชื่อ เพราะเดี๋ยวจะโดนฟ้องหมิ่นประมาทเหมือนที่นักการเมืองคนหนึ่งฟ้องคุณจตุพร พรหมพันธุ์ แต่จะบอกนามแฝงที่ชื่อว่า ด้ง นิติพี
เขาพูดว่า อย่าให้มีการเลือกตั้งเลยเดี๋ยวบ้านเมืองจะวุ่นวายอีก เขารู้ได้อย่างไรว่าจะวุ่นวาย หรือพวกนี้เลือกตั้งกันไม่เป็น ทำเป็นแต่ปิดการเลือกตั้ง ปิดคูหาหรืออย่างไร ผมไม่รู้ แต่สิ่งที่รู้ได้คือ เขากลัวอนาคต พวกเขาจึงยอมที่จะอยู่กับแบบนี้ เขาไม่เชื่อว่ามนุษย์เราสร้างชีวิตที่ดีกว่าได้ คนพวกนี้คือ พวกเกลียดกลัวอนาคต
สรุปว่าทุกวันนี้เรากำลังทำสิ่งที่ถูกต้องเพราะเรากำลังต่อสู้กับศัตรูของชาติ ศัตรูของประชาชน แต่ศัตรูของประชาชนไม่ใช่แค่นายพลสามสี่คน ไม่ใช่แค่ข้าราชการ ไม่ใช่แค่นายทุน แต่คือเขาพวกทั้งหมด พวกเขาที่เป็นคนยุคเก่ารับใช้ความคิดเก่าๆ หลงอยู่ในอดีตและเกลียดกลัวอนาคต คนพวกนี้แย่งอนาคตเราไปตั้ง 4 ปีแล้ว แต่ถ้าเรายังนิ่งเฉยมันก็จะมีปีที่ 5 6 7 8 เรายอมได้หรือไม่
ที่มาภาพจาก Banrasdr Photo
ตอนนี้ชาติของเรามีปรสิต มาเกาะกินผลที่เราอุตส่าห์สร้างมาจากน้ำพักน้ำแรงของเรา เรายอมได้หรือไม่ ผมรับไม่ได้ที่เสรีภาพของเราจะถูกลดทอน ความยุติธรรมของเราจะถูกทำลาย และอนาคตของเราจะถูกแย่งชิง คนที่มาทำอย่างนี้กับพวกเราก็คือ คนแก่หลงยุคที่ขนาดคำว่าจิตสำนึกยังสะกดไม่เป็น คนรุ่นใหม่เราทนไม่ไหวแล้ว เราทนมานานจนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เราคงอยู่ร่วมโลกกับคนที่ปล้นอนาคตเราไปไม่ได้ เมื่อเลือดเก่าไม่ยอมหลีกทางให้เลือดใหม่ การต่อสู้มันจึงต้องเกิดขึ้น นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างความล้าหลัง และความก้าวหน้า นี่คือประวัติศาสตร์หน้าใหม่ นักประวัติศาสตร์จะเขียนเรื่องของเราว่านี่คือการสร้างสรรค์โลกใหม่ โดยคนรุ่นใหม่ ให้โลกนี้จดจำว่า เด็กสร้างเมืองได้
ข้าพเจ้าในนามของยุคสมัยใหม่ ในนามของอนาคตขอประกาศสงครามต่อยุคสมัยเก่า ขอประกาศสงครามกับความล้าหลัง แม้พวกเขาไม่ยอมให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้ แต่เราจะเอาชีวิตของเรากลับคืนมา ในสงครามครั้งนี้คนรุ่นใหม่จะเป็นขุนศึกพาเราไปสู่ชัยชนะ เราจะชนะด้วยพลังของอนาคต เราจะชนะด้วยพลังของประชาชน สงครามครั้งนี้คือสงครามครั้งสุดท้าย ถ้าเราชนะสงครามแห่งกาลเวลา สงครามแห่งยุคสมัยครั้งนี้ เราจะมีชีวิตที่ดีกว่า และชีวิตของเราใครจะมาแย่งไปไม่ได้อีกแล้ว
อย่างที่ผมพูด สงครามครั้งนี้คนนำคือ คนรุ่นใหม่ ผมของเวลาอีก 5 นาทีในการพูดกับสหายร่วมรบของผม เพื่อนคนรุ่นใหม่ทั้งหลาย นักเรียน นิสิต นักศึกษา เรามีภาระอันหนักอึ้งประจำรุ่นของเราคือการขจัดคนยุคเก่าที่ทำตัวเป็นปลิงดูดเลือด กอบโกยผลประโยชน์โอกาสและอนาคตออกปจากมือเราต่อหน้าต่อตา คนแก่พวกนั้น เช่นคุณมีภัย ฤชุพันธุ์ คนเหล่านั้นถ่วงพวกเรามานานเกินไปแล้ว และถ้าเราเฉยพวกเขาก็จะถ่วงพวกเราอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ นี่คือชีวิตของเรา นี่คืออนาคตของเรา ถ้าไม่ต่อสู้ ใครหน้าไหนมันจะต่อสู้ให้เรา
ช่วงเวลามาถึงแล้ว ผมขอยกคำพูดของเพื่อผมคนหนึ่ง ผู้ใหญ่มันจะพูดว่าเราคือ อนาคต แต่ก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เราไม่ใช่แค่อนาคตเพราะการเปลี่ยนแปลงที่จะนำโดยเรานั้นไม่ได้เกิดในวันพรุ่งนี้ แต่มันเกิดวันนี้ เดี๋ยวนี้ ตอนนี้ ดังนั้นนี่คือ ช่วงเวลาของเรา นี่คือการต่อสู้เพื่ออนาคตที่จะต้องเกิดขึ้นนับแต่วันนี้เป็นต้นไป
เพื่อนทั้งหลาย เพื่อนครับ เราไม่ใช่นักเรียน เราไม่ใช่นิสิต นักศึกษา แต่เราเป็นนักรบ เราไม่มีปืน แต่เรามีอาวุธที่ทรงพลังที่สุดนั่นคือหัวใจของเราเอง คือหัวใจที่เต็มไปด้วยพลัง ความหวัง และความหาญกล้า มีแต่หัวใจของเราเท่านั้นที่จะนำพาสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงมาสู่ประเทศไทย เมื่อเวลามาถึงขอให้พวกเรานำหัวใจอันแข็งแกร่งของเราพกติดตัวออกมาสู่ลานกว้าง สู่ท้องถนน และนำพาผู้คนหนึ่งล้าน สิบล้าน เจ็ดสิบล้านคนไปตะโกนไล่คนแก่กะโหลกกะลาที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อไหร่ที่เวลานั้นมาถึง เมื่อไหร่ที่หัวใจของเราพร้อม คนแก่ที่ถ่วงเรา ที่ทำลายอนาคตเราจะพ่ายแพ้ และเราจะมีชัยชนะอนาคตของเราจะกลับคืนมา
สุดท้ายนี้ผมไม่อยากเสียเวลา ไม่อยากเสียน้ำลาย ไม่อยากเสียเส้นเสียงไปกับการพูดกับคนแก่ที่เกินจะแกงพวกนั้นอีกแล้ว ผมจึงขอพูดสั้นๆ กับเขาว่า อนาคตของเราเอาคืนมา เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ
แสดงความคิดเห็น