Posted: 16 Jun 2018 08:59 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
วันนี้ (16 มิถุนายน 2561) เว็บไซต์ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษั ตริย์ (http://www.crownproperty.or. th/) ได้เผยแพร่คำชี้แจงเรื่อง การเปลี่ยนชื่อผู้ถือหุ้ นจากสำนักงานทรัพย์สินส่ วนพระมหากษัตริย์เป็นพระปรมาภิ ไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
คำชี้แจงดังกล่าวระบุว่า
1) จากข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติจั ดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษั ตริย์ พ.ศ. 2560 ซึ่งรวมทรัพย์สินส่วนพระองค์ และทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เข้าด้วยกัน เป็นทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริ ย์ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษั ตริย์จึงมีภาระหน้าที่ต้ องถวายทรัพย์สินส่วนพระมหากษั ตริย์ที่อยู่ในความดูแลแต่เดิ มคืนให้แด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงมีพระราชวินิจฉัยเกี่ ยวกับการดูแลรักษาและจั ดหาผลประโยชน์ให้เป็ นไปตามพระราชอัธยาศัย ดังนั้น สำหรับทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษั ตริย์ใดที่เดิมเป็นชื่อของสำนั กงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริ ย์ เช่น การมีชื่อในผู้ถือหุ้นในบริษั ทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด จึงต้องเปลี่ยนเป็นพระปรมาภิ ไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
2) เปลี่ยนชื่อความเป็นเจ้าของทรั พย์สินจากสำนักงานทรัพย์สินส่ วนพระมหากษัตริย์ เป็นพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้ าอยู่หัว เพื่อให้ทรัพย์สินนั้นอยู่ในบั งคับของกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาษีอากร และต้องมีภาระเสียภาษีอากรเช่ นเดียวกับบุคคลทั่วไป อันเป็นการปฏิบัติเพื่อให้เป็ นไปตามพระราชประสงค์
3) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมี พระราชปณิธานที่จะสื บสานพระราชกรณียกิจของสมเด็ จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าที่ ได้ทรงสร้างคุณูปการให้แก่ ประเทศไทย ด้วยการก่อตั้งกิจการต่าง ๆ เพื่อให้ประเทศไทยมีฐานะมั่ งคงสามารถดำเนินกิจการด้ วยคนไทยและแข่งขันกับต่ างประเทศได้ เช่น กิจการธนาคารไทยพาณิชย์ หรือบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) การใช้พระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้ าอยู่หัวเป็นผู้ถือหุ้นในกิ จการเหล่านั้น จึงเป็นการยืนยันพระราชปณิธานดั งกล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับเป็ นพระราชภาระในการดูแลกิจการเหล่ านั้นด้วยพระองค์เอง เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่ากิ จการเหล่านี้จะยังคงดำเนินกิ จการต่อไปอย่างยั่งยืนและมี การพัฒนาให้เป็นประโยชน์แก่ ประเทศไทยตลอดไป
4) การใช้พระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้ าอยู่หัวเป็นผู้ถือหุ้นในกิ จการที่เดิมใช้ชื่อสำนักงานทรั พย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ทำให้ทรงสามารถมอบหมายข้าราชบริ พารหรือผู้ถวายงานใกล้ชิดเบื้ องพระยุคลบาทดูแลกิจการต่าง ๆ เหล่านี้ได้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้กิจการเหล่านี้ดำเนิ นการอยู่ในกรอบการบริหารกิ จการที่ดีตามพระราชประสงค์ โดยมุ่งหวังให้กิจการเหล่านี้ ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด และมีความยึดมั่นในหลักคุ ณธรรมและความถูกต้องดีงาม
นอกจากนั้นเว็บไซต์ BBC Thai ยังได้ลำดับเหตุการณ์ความเปลี่ ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับสำนั กงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริ ย์ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาดังนี้
17 ก.ค. 60: โปรดเกล้าฯ พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ ายพระมหากษัตริย์ ฉบับใหม่
18 ก.ค. 60:โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งแต่งตั้งคณะกรรมการทรั พย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ชุ ดใหม่โดยมี พล.อ.อ. สถิตย์พงษ์ สุขวิมล เป็นประธานกรรมการ
6 ต.ค. 60: สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษั ตริย์แจ้งสำนั กงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ โอนหุ้น 113.27 ล้านหุ้นในธนาคารไทยพาณิชย์ออก ทำให้สัดส่วนหุ้ นในธนาคารลดลงเหลือ 18.14%
15 มี.ค. 61: เว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่ งประเทศไทย เผยแพร่ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงผู้ ถือหุ้นของบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ระบุ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้ทรงถือหุ้นในบริษัท จำนวน 9,070,600 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 0.76% โดยทรงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เป็ นอันดับที่ 15 ใน SCC
25 เม.ย. 61: บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งเรื่องมีมติแต่งตั้ง พล.อ.อ. สถิตพงษ์ สุขวิมล ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการคนใหม่
ติดตามความเคลื่อนไหว ประชาไท แอด LINE ไอดี @prachatai (มีแอทนำหน้า) และเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai
แสดงความคิดเห็น