ภาพเรือดำน้ำจากนิตยสาร Naval & Merchant Ship (ที่มา Thaidefense-News)


Posted: 14 Jun 2018 05:30 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)

ตามติดหลายสื่อร่วมกันขยี้ประเด็นร้อน 'การช็อปปิ้ง' ของคสช. รวมความเคลื่อนไหวในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่าน โดยเฉพาะเมื่อนายกฯ ใกล้เยือนอังกฤษ-ฝรั่งเศส

ช่วงนี้ข่าวคราวว่าด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพไทยนั้นเป็นที่น่าจับจ้องห้ามกระพริบตา ไล่ตั้งแต่ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ออกมาเปิดประเด็นเรื่องโครงการศึกษาซื้อ “ดาวเทียมจารกรรม” 9 หมื่นล้านเหมือนสัปดาห์ก่อนโน้น กองทัพออกมาปฏิเสธหลายระลอกจนสุดท้ายเตรียมฟ้องกลับ

ตามมาด้วยการออกหมายจับแอดมินเพจดัง KonthaiUK ที่เอาเรื่อง ‘ดาวเทียมจารกรรม’ มาขยี้ต่อตั้งคำถามซ้ำด้วยถ้อยคำแรงสไตล์เพจการเมือง จน ปอท.แจ้งข้อหาความผิดตามมาตรา 14(2) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ขู่ว่าจะตามตัวเจ้าของเพจถึงอังกฤษให้ได้ พร้อมด้วยการกวาดจับและแจ้งข้อหาคนที่แชร์โพสต์นี้ 29 คน ด้วยพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์เช่นเดียวกัน ยังไม่มีการรายงานอย่างเป็นทางการว่าผู้ที่ถูกกวาดจับมีชะตากรรมเช่นไร แต่ตำรวจที่สื่อเรียก ‘บิ๊กโจ๊ก’ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ระบุว่า รู้แล้วว่าเป็นประชาชนทั่วไป ทำผิดครั้งแรก ศาลน่าจะแค่ปรับ 50,000 บาท

ต่อด้วยการขู่ฟ้อง “สำนักข่าวแห่งหนึ่ง” (ที่น่าจะชื่อว่า อิศรา) ในข้อหาบิดเบือนข้อมูลนำเสนอว่า เฮลิคอปเตอร์ AW149 ของกองทัพซื้อมาแล้วบินไม่ได้

ล่าสุด รายงานร้อนของสำนักข่าวบีบีซีไทย เผยแพร่เมื่อ 13 มิ.ย.อ้างอิงการพูดคุยและข้อมูลขององค์กรต่อต้านการค้าอาวุธ Campaign Against Arms Trade (CAAT) ที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอน ระบุว่า ยอดอนุมัติขายอาวุธขนาดเล็กและยุทธภัณฑ์จากสหราชอาณาจักรสู่ประเทศไทย เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดเกือบ 7 เท่า จาก 5.7 ล้านปอนด์ (245 ล้านบาท) ปี 2557 มาเป็น 35 ล้านปอนด์ (1.5 พันล้านบาท) ในปี 2560

ข้อมูลชุดนี้ถูกนำเสนอ 1 สัปดาห์ก่อนการเยือนสหราชอาณาจักรของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 20-22 มิ.ย.นี้

วันเดียวกันนักข่าวสอบถาม พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้คำตอบว่า สำหรับตัวเลขดังกล่าวทางคสช.จะขอตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้งเพื่อความถูกต้อง

ล่าสุด วันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ถูกนักข่าวถามที่ทำเนียบรัฐบาลเรื่องการซื้ออาวุธจากอังกฤษตามรายงานบีบีซี รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม ยืนยันว่า “ไม่มี ไม่มีจริง ข้อมูลที่ออกมาไม่ใช่เรื่องจริง”

ด้านสื่อในประเทศก็ไม่น้อยหน้า ยักษ์ใหญ่อย่างไทยรัฐนำเสนอเรื่องการซื้ออาวุธของคสช.ทันที โดยในวันที่ 13 มิ.ย.เป็นเรื่องการซื้อจากจีน ส่วน 14 มิ.ย.เป็นเรื่องการซื้อจากฝรั่งพ่วงด้วยเกาหลีใต้

4 ปีคสช.ทุ่มงบอย่างน้อยเกือบ 5 หมื่นลาน ซื้ออาวุธจากมหามิตร
4 ปีรัฐบาล คสช.ทุ่มงบซื้ออาวุธจากจีน อ้างเพื่อเสริมเขี้ยวเล็บกองทัพ ยุค คสช.ทั้งซื้อรถถังรุ่น VT4 ซื้อเรือดำน้ำ รุ่น S26T

คสช.อยู่เป็น ถ่วงดุล! 4 ปีทุ่มงบกว่าหมื่นล้าน ซื้ออาวุธจากพวกฝรั่ง
ซื้อเฮลิคอปเตอร์ เรือตรวจการชายฝั่งจากรัสเซีย ยูเครน สหรัฐอเมริกา หวังให้เกิดความถ่วงดุล ขอไทยพ้นแรงกดดันมหาอำนาจโลก หากรวมการซื้อเครื่องบินฝึกนักบินขับไล่ T-50TH ของเกาหลีใต้ด้วย งบจะสูงถึง 3 หมื่นล้าน

ทั้งนี้ ข่าวคราวดังกล่าวเป็นกระแสขึ้นในช่วงเดียวกันกับกำหนดการของนายกฯ และคณะที่เตรียมเยือนอังกฤษในวันที่ 20-22 มิ.ย. เยือนฝรั่งเศสในวันที่ 20-25 มิ.ย.ซึ่งรายงานข่าวทางการที่ปรากฏนั้นรัฐบาลระบุว่าตั้งใจไปดึงนักธุรกิจ 2 ประเทศให้มาร่วมลงทุนใน EEC และไปคุยกับบริษัทแอร์บัสที่ฝรั่งเศสเพื่อเร่งดันโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา ไม่ได้ไปเจรจาเรื่องซื้อหาอาวุธอย่างที่หวั่นเกรงกันไปเอง

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.