Posted: 15 Jun 2018 01:02 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
หลังศาลมีคำสั่งไต่สวนการตายและไม่มีเรียกพยานหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด ทนายและผู้ติดตามคดีชัยภูมิ ป่าแส เยาวชนนักกิจกรรชาวลาหู่ยังคงตามหาหลักฐานสำคัญนี้ เตรียมใช้พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร 2540 ยื่นหนังสือถึง ผบ.ทบ. วันที่ 18 มิ.ย.นี้ขอข้อมูลภาพจากกล้องวงจรปิด เหตุการณ์ทหารยิงชัยภูมิที่ด่าน
15 มิ.ย.2561 รายงานข่าวแจ้งว่า ทนายความและองค์กรเครือข่ายติดตามความคืบหน้าคดีวิสามัญฆาตกรรมนายชัยภูมิ ป่าแสนัดหมายเตรียมยื่นหนังสือต่อผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เพื่อขอข้อมูลภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ทหารยิงนายชัยภูมิ ป่าแส ที่กองบัญชาการกองทัพบก ในวันที่ 18 มิถุนายน 2561 เวลา 10.30 น.
นายชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมเยาวชนชาติพันธุ์ลาหู่ ถูกทหารสังกัดกองร้อยทหารม้าที่ 2 บก. ควบคุมที่ 1 หน่วยเฉพาะกิจกรรมทหารม้าที่ 5 ที่ตั้งจุดตรวจค้นยาเสพติดบริเวณด่านตรวจบ้านรินหลวง ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2560 โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่านายชัยภูมิมียาเสพติดในครอบครองและต่อสู้ขัดขวางโดยจะใช้อาวุธระเบิดขว้างใส่เจ้าหน้าที่ทหาร จึงทำให้เจ้าหน้าที่ทหารจำเป็นต้องใช้อาวุธปืนยิงสังหารนายชัยภูมิ จนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
ในทางคดีพนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ได้ยื่นคำร้องขอไต่สวนชันสูตรพลิกศพ (ไต่สวนการตาย) ต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่เพื่อให้ศาลทำการไต่สวนและทำคำสั่งแสดงว่าผู้ตายคือใคร ตายที่ไหน เมื่อใด รวมถึงเหตุและพฤติการณ์ที่ตาย เนื่องจากการตายของนายชัยภูมิเป็นการตายอันเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ จึงต้องมีการชันสูตรพลิกศพและไต่สวนการชันสูตรพลิกศพ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 148 และ150 ศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้รับเป็นคดีหมายเลขดำที่ ช.19/2560 โดยมีญาติของนายชัยภูมิเข้าร่วมเป็นผู้ร้องซักถาม
ต่อมาวันที่ 6 มิถุนายน 2561 ศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้อ่านคำสั่งไต่สวนการชันสูตรพลิกศพ โดยระบุว่า ผู้ตายคือ นายชัยภูมิ ป่าแส เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2560 ถูกยิงจากอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ทหาร และเสียชีวิตบริเวณด่านรินหลวง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนพฤติการณ์แห่งการตายที่เจ้าหน้าที่ทหารอ้างว่านายชัยภูมิจะใช้อาวุธมีดและระเบิดทำร้ายเจ้าหน้าหน้าที่ อันเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหารจำเป็นต้องใช้อาวุธปืนยิงเพื่อป้องกันตัวหรือไม่นั้น ศาลไม่ได้วินิจฉัยในประเด็นนี้
เครือข่ายที่ติดตามคดีนายชัยภูมิ ระบุว่า แม้ศาลจะมีคำสั่งไต่สวนการชันสูตรพลิกศพออกมาแล้ว แต่ความจริงเกี่ยวกับการตายของนายชัยภูมิยังคงมีความคลุมเครือ และสร้างความเคลือบแคลงใจให้แก่ฝ่ายญาติผู้ตายอย่างยิ่ง และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีประเด็นที่ถูกพูดถึงและเรียกร้องมาตลอดจากญาติผู้ตายและสาธารณชนคือ ขอให้มีการเปิดเผยภาพจากกล้องวงจงปิดในวันเกิดเหตุ รวมถึงขอให้มีการนำภาพจากกล้องวงจรปิดดังกล่าวมาใช้พิสูจน์ความจริงในชั้นไต่สวนการชันสูตรพลิกศพของศาลด้วย แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ได้มีการเปิดเผยภาพวงจรปิดดังกล่าวแต่อย่างใด
เครือข่ายผู้ติดตามคดี ระบุว่า ดังนั้นเพื่อประโยชน์ในการแสวงหาความจริงและความยุติธรรม รวมถึงการเยียวยาจากช่องทางของกระบวนการยุติธรรมและช่องทางอื่น ทางญาติผู้ตาย ทนายความและองค์กรที่ติดตามคดีจึงประสงค์ที่จะใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ.2540 เข้ายื่นหนังสือต่อผู้บัญชาการกองทัพบก ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุ เพื่อขอข้อมูลภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิดทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว
แสดงความคิดเห็น