Posted: 14 Nov 2018 09:33 PM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Thu, 2018-11-15 12:33


ใบตองแห้ง

จำเลยคดีกบฏที่ยังไม่ไปรายงานตัว ชี้ว่าพรรคเพื่อ….. ใช้ยุทธการแตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย หวังกวาด ส.ส. 300 คน อาจเข้าข่ายฮั้วทางการเมือง แม้ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดรัฐธรรมนูญ

แหม่ ไม่รู้จะ… ทำไม คนฟังก็รู้ว่าหมายถึงเพื่อไทย ซึ่งลูกๆ หลานๆ เพิ่งไปตั้งพรรคใหม่ เมื่อท่านคณบดีรับประกันว่าไม่ผิดรัฐธรรมนูญ เขาก็ย่อมทำได้

จะว่าฉลาดเกมส์โกงไหม ก็ใครล่ะเขียนรัฐธรรมนูญ ให้ คสช.ตั้ง ส.ว.250 คนมาเลือกกันเองเห็นๆ แล้วยังบอกว่าหน้าไม่ด้าน นักการเมืองก็ต้องพลิกแพลงทุกวิถีทาง

ระบบเลือกตั้งมีชัย ให้เอาคะแนนผู้สมัคร ส.ส.ทั้งประเทศ 350 เขตรวมกัน คำนวณสัดส่วนแต่ละพรรคควรได้ สมมติผู้มาใช้สิทธิหักบัตรเสียโหวตโน เหลือ 40 ล้านเสียง เพื่อไทยได้ 16 ล้านเสียง ก็จะได้ ส.ส. 200 คน ถ้าได้ ส.ส.เขตไปแล้ว 197 คนก็จะได้ปาร์ตี้ลิสต์ 3 คน แต่ถ้าได้ ส.ส.เขต 201 คน ก็ไม่ได้ปาร์ตี้ลิสต์เลย

ผู้สันทัดกรณีทั้งในและนอกพรรคคำนวณออกมาตรงกัน เพื่อไทยน่าจะได้ ส.ส.เขตใกล้เคียงกับสัดส่วนที่ควรได้ เพราะเลือกตั้งครั้งนี้แข่งขันสูง แต่ละเขตน่าจะชนะไม่เยอะ อย่างเก่ง 5-60,000 คะแนน

ฉะนั้น สมมตินะ สมมติ เพื่อไทยเอาจริงเอาจัง เฉพาะ 220-240 เขตที่มั่นใจหรือมีลุ้น แล้วสละ 110-130 เขตที่แพ้แหงๆ เปิดทางให้คนเลือกเพื่อไทยหันไปเลือกพรรคอื่นในฝั่งประชาธิปไตย พรรคเหล่านั้นก็จะได้คะแนนเป็นกอบเป็นกำ 2 ล้านกว่าเสียงขึ้นไป คำนวณ ส.ส.ได้ร่วม 30 คน

ถามว่าถ้าทำอย่างนั้นจริงผิดตรงไหน เพราะไม่ได้บังคับประชาชน สั่งซ้ายหันขวาหัน ชาวบ้านก็มีตัวเลือกเยอะไป ไม่เลือกไทยรักษาชาติ เพื่อชาติ เพื่อธรรม อาจเลือกอนาคตใหม่ เสรีรวมไทย พูดง่ายๆ ตลาดเปิด ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ หรือพรรคขัดขวางเลือกตั้ง อยากช่วงชิงก็ได้

ถ้าตัดสินใจอย่างนี้จริง เพื่อไทยก็เสี่ยงหลายด้าน เช่น ถ้าประเมินผิด กลายเป็นชนะถล่มทลาย ก็น่าเสียดายโอกาสได้ ส.ส.เกินครึ่ง การแตกแบงก์เท่ากับลดทอนพลัง และเครดิตตัวเอง จากพรรคอันดับหนึ่งซึ่งมีทุกอย่างพร้อมพรั่งถ้าประชาชนสับสนก็อาจแพ้ ส.ส.เขต ในจุดที่สูสีกัน

ยิ่งกว่านั้น อย่าลืมนะ แกนนำเพื่อไทยต้องเสียสละ เพราะจะยิ่งไม่ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ซักคนเดียว แม้แต่แคนดิเดทนายกฯ อย่างเจ๊หน่อย “เรียกแม่ได้ไหม” ถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาล เพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน ก็ไม่ได้เข้าสภา ต้องมานั่งแถลงข่าวที่พรรค ปล่อยให้ ส.ส.เขต ประยุทธ์ ศิริพานิชย์, สามารถ แก้วมีชัย ฯลฯ เป็นผู้นำฝ่ายค้าน

อยากแตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย แต่ได้เกินเป็น 1,100-1,200 การลงทุนต้องมีความเสี่ยง ก็ยอมรับไป

ว่าที่จริง การตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์แบบนี้ ไม่ใช่เพื่อไทยกำหนด ภายใต้ระบบบัตรใบเดียว ไม่มีบัตรปาร์ตี้ลิสต์ แต่ละขั้วแตกพรรคหลากหลาย ประชาชนต้องตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์อยู่ดี

ยกตัวอย่าง คนอยากเลือกอนาคตใหม่ แต่อยากให้ฝ่ายประชาธิปไตยชนะ ถ้าอยู่ในเขตเพื่อไทยสูสี ก็ตัดสินใจลำบาก สุดท้ายอาจเลือกเพื่อไทย แต่ถ้าอยู่เขตเพื่อไทยชนะห่าง หรือแพ้แหง ก็ตัดสินใจง่าย

เช่นกัน คนอยากเลือกพรรคกำนัน แต่ยังห่วง ปชป. ถ้าเป็น กทม.ก็ต้อง ปชป.ไว้ก่อน แต่ถ้าเป็นภาคใต้ ยังไงๆ ก็เสาไฟฟ้า หรือเหนืออีสาน ยังไงแพ้แหงๆ ลุงกำนันก็ต้องอ้อน เลือกพรรคผมบ้างนะ

สำคัญว่าประชาชนจะเลือกหรือเข็ดหลาบ เท่านั้นเองแตกแบงก์ยังไง ถ้าคนไม่เลือก มีแต่ไล่ ก็ไม่มีกำไรมีแต่ขาดทุน





เผยแพร่ครั้งแรกใน: ข่าวหุ้นธุรกิจ www.kaohoon.com/content/262981

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.