Posted: 14 Nov 2018 04:48 AM PST  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Wed, 2018-11-14 19:48


ศาลยกฟ้อง ‘สกันต์’ จำเลยคดี 112 จากเหตุพูดคุยในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ระหว่างติดคุก ศาลชี้แม้ในคดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพแต่การกระทำของจำเลยนั้นไม่สามารถยืนยันในข้อเท็จจริงได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ โดยก่อนหน้านี้เขาถูกขังอยู่ 7 เดือน จนต่อมาได้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 5 แสนบาท เจ้าตัวชี้อาจมาจากเหตุเพื่อนร่วมขังไม่พอใจที่เขาได้เป็นผู้ช่วยฝึกผู้ต้องขัง

14 พ.ย. 2561 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า วันนี้ ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก มีนัดฟังคำพิพากษาคดีของสกันต์ (สงวนนามสกุล) ที่อัยการฟ้องจำเลยในข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์หรือมาตรา 112 เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2560 จากเหตุที่พูดคุยในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ระหว่างจำคุกในคดีที่สืบเนื่องจากเหตุการณ์ทางการเมืองในปี 2552

ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องสกันต์ โดยให้เหตุผลว่าข้อความที่อัยการระบุว่าจำเลยได้พูดในเรือนจำฯ นั้นจำเป็นต้องตีความและในข้อความดังกล่าวไม่ได้ระบุว่ากล่าวถึงใครอย่างชัดเจน

ศาลกล่าวต่อว่า แม้ในคดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพแต่การกระทำของจำเลยนั้นไม่สามารถยืนยันในข้อเท็จจริงได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์และพระราชินีตามที่จำเลยถูกกล่าวหา ศาลจึงพิจารณาตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 185 ให้ยกฟ้องจำเลย

ศาลไม่ได้สั่งให้ขังจำเลยระหว่างรออัยการซึ่งเป็นฝ่ายโจทก์ว่าจะมีการอุทธรณ์คดีหรือไม่ จำเลยจึงได้รับการปล่อยตัวกลับหลังศาลพิพากษาเสร็จ

หลังเสร็จสิ้นกระบวนการศาล สกันต์ให้สัมภาษณ์ว่าคดีเกิดขึ้นในระหว่างที่เขาถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เขาถูกผู้ต้องขังด้วยกันเองแจ้งความดำเนินคดีนี้จนทำให้ตัวเขาเองที่กำลังจะพ้นโทษจำคุกจากคดีแรกในปี 2558 เนื่องจากได้เลื่อนชั้นเป็นนักโทษชั้นดีแล้วและกำลังจะได้รับการอภัยโทษต้องยุติไป

จากเหตุดังกล่าว ทำให้สกันต์ต้องติดคุกเต็มจำนวนโทษที่ศาลพิพากษาเป็นเวลานานถึง 4 ปีกว่า ก่อนจะพ้นโทษออกมาแล้วถูกตำรวจอายัดตัวในคดีที่สองนี้เมื่อวันที่ 11 ต.ค.2560 และเขาถูกขังระหว่างพิจารณาคดีอีก 7 เดือนจนกระทั่งศาลอนุญาตให้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 500,000 บาท

สกันต์เล่าถึงสาเหตุที่ทำให้ถูกเพื่อนร่วมคุกแจ้งความอาจจะเป็นเพราะผู้คุมได้ตั้งเขาให้เป็นผู้ช่วยฝึกผู้ต้องขังเนื่องจากเขาเคยเข้ารับการฝึกทางทหารตอนที่ยังเป็นทหารประจำการอยู่มาก่อน ทำให้ผู้ต้องขังคนอื่นๆ ไม่พอใจสถานะของเขา แม้ว่าตัวสกันต์เองจะไม่ได้เต็มใจรับหน้าที่นี้สักเท่าไหร่ก็ตาม

ก่อนที่ศาลจะนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้ เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2561 หลังจากที่ศาลได้สอบคำให้การสกันต์และตรวจพยานหลักฐานในคดีนี้ไปแล้ว เขาได้ขอให้การใหม่อีกครั้งเป็นการรับสารภาพแทน

อนึ่ง ไอลอว์ รายงาน รายละเอียดเพิ่มเติมของคำฟ้องคดีนี้ ซึ่งระบุว่า จำเลยขณะเป็นผู้ต้องขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ขณะกำลังชมรายการโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดภาพการปฏิบัติพระกรณียกิจของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทางเรือนจำพิเศษกรุงเทพได้เปิดให้ดู จำเลยได้บังอาจพูดจากดูหมิ่น ต่อมาเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2557 เวลากลางวัน จำเลย ขณะเป็นผู้ต้องขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ขณะที่ทางเรือนจำจัดพิธีถวายความเคารพเนื่องในวันพ่อแห่งชาติร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีเพื่อถวายความเคารพต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ในขณะนั้น และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติพระบรมราชินีนาถ ขณะผู้ต้องขังกำลังร้องเพลงดังกล่าว จำเลยได้บังอาจพูดจาดูหมิ่น และต้นเดือน ธ.ค. 2557 เวลากลางวัน จำเลยได้บังอาจพูดจาลักษณะดูหมิ่นอีกครั้ง โดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวในครั้งแรกและขอต่อสู้คดีที่ศาลอาญา

[full-post]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.