ค่าเฉลี่ย IQ เด็กไทยเพิ่มขึ้น แต่ยังมีเกณฑ์ต่ำกว่ามาตรฐา นโลก
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข แถลงผลสำรวจสถานการณ์ความฉล าดทางปัญญา (IQ) และความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ของเด็กไทยชั้นประถม 1 ในปี 2559 เมื่อวานนี้ (29 ก.ค.) โดยเป็นผลจากการสุ่มสำรวจเด ็ก ป.1 ทั่วประเทศ รวม 23,641 คน พบว่าเด็กมีคะแนนระดับสติปั ญญาหรือไอคิวเฉลี่ยอยู่ที่ 98.2 หรือสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทีย บกับค่าเฉลี่ย 94 ซึ่งสำรวจได้เมื่อปี 2554 แต่ยังถือว่ามีเกณฑ์ต่ำกว่ามาต รฐานโลก คือ 100
ขณะที่ผลสำรวจเมื่อปี 2553 พบเด็กอายุ 3-5 ปี มีพัฒนาการต่ำกว่ามาตรฐานร้ อยละ 30 หรือประมาณ 700,000 กว่าคน ส่วนรายงานของกระทรวงศึกษาธ ิการเมื่อปี 2557 พบเด็กชั้นประถม 4-6 ร้อยละ 10-15 อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ คิดไม่เป็น และแม้ในการสำรวจครั้งนี้จะ พบว่าเด็กไทยในระดับป. 1 มีไอคิวดีขึ้น แต่เด็กจำนวนไม่น้อยยังต้อง การการพัฒนา เพราะเด็กที่มีระดับไอคิวต่ ำมากๆ มีแนวโน้มจะมีความฉลาดทางอา รมณ์หรืออีคิวต่ำ ขณะที่อีคิวเป็นส่วนประกอบส ำคัญต่อการใช้ชีวิตให้ประสบ ความสำเร็จและอยู่ร่วมกับสั งคมได้อย่างมีความสุข
นอกจากนี้ ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญห าประชากรทั้งในเชิงโครงสร้า งและคุณภาพ เนื่องจากจำนวนเด็กเกิดใหม่ ลดลงจากเมื่อยี่สิบปีก่อนที ่ปีละเกือบ 900,000 กว่าคน และมีแนวโน้มจะลดลงเรื่อยๆ หากคุณภาพของเด็กไทยลดลงด้ว ยก็จะยิ่งส่งผลกระทบเป็นลูก โซ่ เนื่องจากเด็กเป็นรากฐานในก ารพัฒนาประเทศในอนาคต
ปัจจัยสำคัญที่ต้องส่งเสริม และดำเนินการช่วยเหลืออย่าง ครอบคลุม เพื่อป้องกันและควบคุมปัจจั ยเสี่ยงที่จะส่งผลต่อพัฒนาก ารของเด็กต้องเริ่มตั้งแต่เ ด็กอยู่ในครรภ์ไปจนถึงวัยเร ียน เช่น การเฝ้าระวังภาวการณ์ขาดสาร ไอโอดีนและการเฝ้าระวังภาวะ ซีดในหญิงตั้งครรภ์ โดยหน่วยงานสาธารณสุขทั้งภา ครัฐและภาคเอกชนต้องร่วมมือ กันในการดูแลและช่วยเหลือผู ้มีปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้
ส่วนปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาไอ คิว–อีคิวของเด็ก ได้แก่ การอยู่ในพื้นที่ชนบท การมีรายได้ไม่เพียงพอในครอ บครัว ตลอดจนสภาพการเปลี่ยนแปลงขอ งสังคมที่พ่อแม่ต้องเข้ามาท ำงานในเมืองและปล่อยให้ผู้ส ูงอายุต้องเลี้ยงดูเด็กแทน ขณะที่ในบางครอบครัวมีการปล ่อยปละละเลยเด็ก
นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่าการดำเนินงานป้องกั นปัญหาและส่งเสริมศักยภาพไอ คิวและอีคิวของเด็กไทยควรมี 3 ระดับ ได้แก่ การส่งเสริมพัฒนาการในสถานบ ริการสาธารณสุขทุกระดับ โดยให้ความสำคัญต่อเด็กที่ม ีภาวะเสี่ยงให้ได้รับการช่ว ยเหลือแก้ไขได้เร็วที่สุด, ส่งเสริมการเตรียมความพร้อม ก่อนการเข้าเรียน ทั้งทักษะการอ่าน การคำนวณ ผ่านกลไกการเลี้ยงดูและการเ ล่นที่ถูกต้องทั้งในครอบครั วและศูนย์เด็กเล็ก มีเครื่องมือที่ทุกฝ่ายจะใช ้ร่วมกันในการกระตุ้นพัฒนาก ารเด็ก และการติดตามดูแลเด็กต่อเนื ่องในวัยเรียนด้วยการคัดกรอ งปัญหาการเรียนรู้ สมาธิ ออทิสติก อารมณ์และพฤติกรรม ซึ่งครูจะเป็นผู้ให้การดูแล เพิ่มเติมในส่วนนี้ด้วย
(ภาพประกอบจากคลังภาพ)
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข แถลงผลสำรวจสถานการณ์ความฉล
ขณะที่ผลสำรวจเมื่อปี 2553 พบเด็กอายุ 3-5 ปี มีพัฒนาการต่ำกว่ามาตรฐานร้
นอกจากนี้ ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญห
ปัจจัยสำคัญที่ต้องส่งเสริม
ส่วนปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาไอ
นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่าการดำเนินงานป้องกั
(ภาพประกอบจากคลังภาพ)
แสดงความคิดเห็น