หลานสาวพลทหารวิเชียรเผยเตรียมตัวสู้คดีหมิ่นประมาท พร้อมรับโทษหากผิดจริง แต่หากไม่ผิดจะฟ้องกลับ ส่วนทหารบอกกองทัพไม่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างนายทหารที่ถูกกล่าวหาซ้อมเหยื่อกับญาติคนตาย
น.ส.นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเมื่อวานนี้ 26 ก.ค.และถูกนำตัวจากสถานีตำรวจมักกะสันไปยังสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง นราธิวาสเพื่อสอบปากคำในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ช่วงกลางดึกของคืนที่ผ่านมา โพสต์เฟซบุ๊กว่า ล่าสุดเธอได้รับการประกันตัวแล้วโดยเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิผสานวัฒนธรรมและขณะนี้กำลังเดินทางกลับกรุงเทพฯ พร้อมเผยว่าคดีนี้มีนายทหารระดับพันตรีเป็นผู้ไปแจ้งความ
การแจ้งความเอาผิดน.ส.นริศราวัลถ์ฐานหมิ่นประมาทหนนี้ เป็นกรณีที่สืบเนื่องมาจากที่เจ้าตัวโพสต์ข้อความลงในหน้าเฟซบุ๊กเพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมในกรณีการเสียชีวิตของพลทหารวิเชียร เผือกสม น้าชายที่เสียชีวิตระหว่างการฝึกซ้อมทหารใหม่ในค่ายทหารที่นราธิวาสเมื่อ 2554 หลังจากนั้นญาติของพลทหารวิเชียรโดยน.ส.นริศราวัลถ์ได้ใช้โซเชียลมีเดียในการเปิดเผยข้อมูลและเรียกร้องขอความเป็นธรรมตลอดจนเดินเรื่องร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนกระทั่งไปถึงการฟ้องคดีแพ่ง ในระหว่างนั้นนายทหารที่เกี่ยวข้องได้ไปแจ้งความไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจนราธิวาสในข้อหาว่าเธอหมิ่นประมาทจากการโพสต์เรื่องนี้
ล่าสุดน.ส.นริศราวัลถ์ได้โพสต์เฟซบุ๊กอีกในวันนี้ 27 ก.ค.บอกว่า เธอกำลังเตรียมตัวสู้คดี “เมย์ต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม เพราะฉะนั้นเมย์ก็พร้อมให้กระบวนการยุติธรรมตรวจสอบเช่นกัน หากเมย์ทำผิดจริง เมย์ก็ยินดีรับโทษตามกฎหมายค่ะ แต่ถ้าพิสูจน์แล้วไม่ผิด เจอฟ้องกลับทั้งทางแพ่งและอาญา”
เธอกล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปจะขอให้ทนายทำเรื่องแก้ต่างรวบรวมหลักฐานส่งให้พนักงานสอบสวนต่อไป น.ส.นริศราวัลถ์ยังได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุมอย่างให้เกียรติไม่มีการใส่กุญแจมือและไม่นำตัวเข้าห้องขัง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นราธิวาสที่ดำเนินการให้จนได้ประกันตัวในเวลาเกือบ 03.00 น.
บีบีซีไทยได้ข้อมูลว่า ผู้แจ้งความให้ดำเนินคดีน.ส.นริศราวัลถ์คือร้อยโทภูริ เพิกโสภณ ผู้บังคับหน่วยที่พลทหารวิเชียรร่วมฝึกซ้อมทหารใหม่และถูกทหารที่เกี่ยวข้องกับการฝึกซ้อมลงโทษสองครั้งอย่างหนักจนต่อมาเสียชีวิตลงในสภาพมีบาดแผลทั่วตัว ต่อมาญาติได้เดินเรื่องร้องเรียนจนกองทัพได้สั่งสอบสวนลงโทษทางวินัยทหารที่เกี่ยวข้องกว่าสิบนาย นอกจากนั้นยังดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่งต่อหน่วยงานที่เป็นผู้บังคับบัญชาจนทางการต้องจ่ายค่าเสียหายให้
ด้านพันเอกปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้ายืนยันกับบีบีซีไทยว่า กองทัพไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีกับน.ส.นริศราวัลถ์ ผู้แจ้งความเป็นนายทหารที่ดูแลหน่วยงานที่ฝึกซ้อมทหารในห้วงเวลานั้น และเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว กองทัพไม่มีเหตุผลใดๆที่จะไปแจ้งความเอาผิดกับหลานสาวของพลทหารวิเชียร ตรงกันข้ามได้พยายามดำเนินการกับทหารที่เกี่ยวข้องอยู่ โดยหลังจากเกิดเหตุได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน และตามผลการสอบสวนมีทหารเกี่ยวข้อง 3 นาย ได้มีการสั่งพักราชการนายทหารที่มีชื่อปรากฏตามผลการสอบสวนหลังจากที่เกิดเหตุ และขณะนี้ทั้งสามคนอยู่ในกระบวนการถูกดำเนินคดี
อย่างไรก็ตาม พันเอกปราโมทย์กล่าวว่า ญาติอาจจะยังติดใจว่ามีทหารบางคนเกี่ยวข้องด้วยแต่ยังไม่ปรากฏชื่อในผลการสอบสวน ซึ่งญาติก็ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนเพิ่มเติมเข้าไปแล้ว และขณะนี้ทางกองทัพกำลังจะสอบสวนเพิ่มเติม ทางด้านคดีแพ่งที่ญาติของพลทหารวิเชียรฟ้องร้องสามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียกร้องค่าเสียหายนั้น ทางการก็ได้จ่ายเงินไปแล้วตามคำสั่งศาลคือกว่า 7 ล้านบาท
“กองทัพไม่ปกป้องคนผิด เราจัดการทันทีด้วยการพักราชการ แม้แต่ในกรณีอื่นๆก็มีการจัดการเช่นกัน เช่นกรณีทหารตายที่บันนังสตาเราก็สั่งปลด กรณีสัสดีเราก็ให้ย้ายทันที แต่ที่ข่าวออกไปอย่างนี้ แม้ว่าจะไม่มีระบุว่าทหารฟ้อง แต่คนเข้าใจไปว่าทหารทำ เกิดความเข้าใจผิดกลายเป็นว่ากองทัพแย่มาก เราไม่ได้แย่อย่างนั้น”
โฆษกกอ.รมน.ภาค 4 สน. บอกด้วยว่า ตามความเข้าใจของตน คดีนี้มีการไปแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาทไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจนราธิวาสตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว และมีการออกหมายเรียกเมื่อต้นปีนี้ แต่หลังจากนั้นก็กลายเป็นหมายจับ ไม่ปรากฎว่ามีการไปจับกุมน.ส.นริศราวัลถ์จนกระทั่งเมื่อวานนี้ ซึ่งบังเอิญเป็นวันเดียวกันกับที่มีนักรณรงค์สิทธิมนุษยชนสามคนคือน.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ นายสมชาย หอมลออ และน.ส.อัญชนา หีมมีหน๊ะไปรายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหาที่สภอ.เมือง ปัตตานีเพราะกองทัพแจ้งความในข้อหาหมิ่นประมาท ซึ่งเป็นคนละเรื่องกันแต่การที่ข่าวออกมาในวันเดียวกันทำให้เกิดภาพว่ากองทัพพยายามดำเนินคดีกับคนหลายส่วน ในกรณีของน.ส.พรเพ็ญและพวกนั้นกองทัพดำเนินการจริงเพื่อขออำนาจศาลให้ทั้งสามคนเปิดเผยรายชื่อกลุ่มคนที่อยู่ในรายงานการซ้อมทรมานที่ระบุว่า พวกเขาเหล่านั้นถูกซ้อม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่พยายามขอข้อมูลนี้มาแล้วแต่ไม่ได้จึงต้องฟ้องร้อง ส่วนกรณีหลานสาวพลทหารวิเชียร กองทัพไม่ได้ดำเนินการ “แต่ผมก็แปลกใจว่า อยู่มานานทำไมไม่ไปจับ ทำไมไปจับในวันเดียวกัน” พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีอะไรที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เพื่อทำให้เจ้าหน้าที่เสียชื่อเสียง
ก่อนหน้านั้นฮิวแมนไรซ์วอชได้ออกแถลงการณ์ลงวันที่ 27 ก.ค.คือวันนี้เรียกร้องทางการไทยดำเนินการเพื่อให้มีการยุติการดำเนินคดีน.ส.นริศราวัลถ์โดยทันที โดยบอกว่านี่เป็นความพยายามข่มขู่ญาติของเหยื่อที่ถูกละเมิดสิทธิ
“ความพยายามของเจ้าหน้าที่ตำรวจในอันที่จะข่มขู่และตอบโต้การกระทำของญาติเหยื่อที่ถูกละเมิดสิทธิที่กล้าพูดในเรื่องนี้จะว่าไปแล้วก็คือการยอมรับให้มีการซ้อมทรมาน” นายแบรด อดัมส์ แห่งฮิวแมนไรซ์วอชกล่าวในแถลงการณ์ พร้อมระบุว่าทหารควรดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยกเลิกความพยายามดำเนินคดีน.ส.นริศราวัลถ์แล้วหันไปพยายามลงโทษคนที่ทำให้พลทหารวิเชียรถึงแก่ชีวิตแทน

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.