แฮกเกอร์ป่วนตารางบินของสนามบินเวียดนาม โต้กลับกรณีทะเลจีนใต้
กระทรวงคมนาคมของเวียดนามแถลงข่าวแฮกเกอร์เจาะระบบฐานข้อมูลของสนามบิน 2 แห่งในเวียดนาม เมื่อวานนี้ (29 ก.ค.) ได้แก่ สนามบินนานาชาติโหน่ยบ่ายในกรุงฮานอย และสนามบินนานาชาติเตินเซินเญิ้ตในนครโฮจิมินห์ โดยแฮกเกอร์เจาะเข้าสู่ระบบจอแสดงผลตารางการบินของสนามบินทั้ง 2 แห่ง เพื่อเผยแพร่ข้อความภาพและเสียงต่อต้านเวียดนามและฟิลิปปินส์ที่อ้างกรรมสิทธิ์เหนือน่านน้ำทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นดินแดนข้อพิพาทระหว่างจีนกับหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงเวียดนามและฟิลิปปินส์
ขณะที่รัฐบาลเวียดนามคาดว่าแฮกเกอร์ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุครั้งนี้น่าจะมีความเกี่ยวพันกับประเทศจีน
รายงานข่าวเผยว่าการเจาะระบบสนามบินเวียดนามเมื่อวานนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่ประจำสนามบินทั้งสองแห่งของเวียดนามต้องงดใช้ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อเช็คอินผู้โดยสารเป็นเวลานานหลายชั่วโมง ขณะที่เว็บไซต์สายการบินเวียดนามถูกแฮกเกอร์โจมตีเช่นกัน แต่ข่าวไม่ได้ระบุว่าเว็บไซต์ได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด
การโจมตีของแฮกเกอร์ครั้งนี้เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของสนามบินเตินเซินเญิ้ตในนครโฮจิมินห์ เขียนข้อความหยาบคายเป็นภาษาอังกฤษลงในหนังสือเดินทางของนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีน นามสกุลจง ซึ่งคาดว่าการกระทำดังกล่าวมีนัยสื่อถึงการประท้วงกรณีที่จีนอ้างกรรมสิทธิ์ในน่านน้ำทะเลจีนใต้
นักท่องเที่ยวหญิงคนดังกล่าวเผยว่าตนรู้สึกผิดหวังกับพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของเวียดนามอย่างมาก ส่วนสถานกงสุลจีนในนครโฮจิมินห์ได้ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำดังกล่าวว่าขี้ขลาดไร้ยางอาย และเรียกร้องให้รัฐบาลเวียดนามตรวจสอบและนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว และทางการเวียดนามรับปากว่าจะสอบสวนกรณีที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของจีนและเวียดนามอยู่ในภาวะร้าวฉานมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากทั้งสองประเทศต่างอ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อนกันในน่านน้ำทะเลจีนใต้ โดยเมื่อช่วงต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของเวียดนามประกาศว่า จะไม่ประทับตราให้วีซ่าแก่นักท่องเที่ยวจีนลงในหนังสือเดินทางจีนโดยตรง แต่จะประทับตราในเอกสารที่แยกต่างหาก เนื่องจากหนังสือเดินทางจีนพิมพ์ภาพแผนที่แสดงอาณาเขตของประเทศ โดยรวมเอาน่านน้ำที่จีนอ้างกรรมสิทธิ์ด้วยเส้นประแบ่งเขตแดน 9 เส้น ในทะเลจีนใต้เข้าไว้ด้วย ซึ่งเวียดนามคัดค้านการอ้างกรรมสิทธิ์ดังกล่าว

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.