Posted: 09 Jun 2018 12:02 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)

รมว.เกษตรและสหกรณ์ สั่งเตรียมรับมือลำไยล้นตลาดหลังอินโดนีเซียระงับนำเข้าลำไย 9 หมื่นตันจากไทย เล็งใช้กลไกสหกรณ์เร่งระบายผลผลิตกระจายสู่ตลาด

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ รายงานเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2561 ว่านายเชิดชัย พรหมแก้ว รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเเผยว่านายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ ให้เตรียมมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรในการแก้ปัญหาลำไยราคาตกต่ำ โดยปีนี้ลำไยภาคเหนือคาดว่าจะมีปริมาณผลผลิตออกมาจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลทำให้ราคาปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งไทยได้ส่งลำไยไปขายอินโดนีเซียปีละประมาณ 90,000 ตัน แต่ปีนี้ทางอินโดนีเชียห้ามนำลำไยสดจากประเทศไทย ซึ่งได้ปรับแผนกระจายผลิตออกนอกพื้นที่โดยสหกรณ์ที่รวบรวมลำไยสดใน 6 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 15 แห่ง วางแผนในการรวบรวมลำไยสด และส่งกระจายผ่านช่องทางตลาดต่างๆ โดยกระทรวงพาณิชย์จะมีงบอุดหนุนให้กับสหกรณ์ในการระบายผลผลิต และสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้สหกรณ์รวบรวมลำไยไว้แปรรูปเป็นลำไยอบแห้งเพื่อรอการจำหน่ายในฤดูกาลหน้า เพื่อดึงพ่อค้าที่ต้องการ ซื้อลำไยอบแห้งเข้ามา คาดว่าน่าจะทำตลาดได้ดีกว่าขายเป็นลำไยสด

เป้าหมายสหกรณ์ในการรวบรวมผลผลิตลำไยแบบสดคาดว่าจะดำเนินการได้ประมาณ 3,000 ตัน มูลค่า 90 ล้านบาท เพื่อทำตลาดลำไยสดช่อคุณภาพ ลูกสม่ำเสมอ ซึ่งขณะนี้มีสหกรณ์ 7 แห่ง ใน 3 จังหวัดภาคเหนือ คือ พะเยา เชียงใหม่ และน่าน ได้ส่งเสริมสมาชิกให้ผลิตลำไยคุณภาพอย่างต่อเนื่องและพยายามรักษาตลาดเดิมเอาไว้ เพื่อให้ผู้บริโภคในประเทศได้รับประทานลำไยรสชาติดีมีคุณภาพ

โดยทางบริษัท ไปรษณีย์ไทย จะเปิดรับออเดอร์จากผู้บริโภคปลายทาง แล้วแจ้งยอดการสั่งซื้อลำไยกับทางสหกรณ์ ซึ่งดูดซับลำไยบางส่วนออกมาจากพื้นที่ นำมาคัดเกรดเป็นลำไยสดช่อคุณภาพดี ขนาดไม่เกิน 80 ลูกต่อกิโลกรัม มีสัดส่วนขนาด AAA 70:30 ก้านช่อยาวไม่เกิน 6 นิ้ว และบรรจุลงตะกร้า ขนาด 10 กก. ตะกร้าขนาด 3 กก.และกล่องกระดาษขนาด 10 กก. ราคาขายจะเป็นราคารับซื้อจากเกษตรกรบวกค่าบริหารจัดการตามระยะทาง ที่กำหนดในเบื้องต้นราคาจำหน่ายลำไยคุณภาพสดช่อถึงมือผู้บริโภค 30-34 บาทต่อกิโลกรัม และจะมีการรับประกันสินค้าด้วย

ทั้งนี้ภาพรวมตลาดลำไยของ 7 สหกรณ์ ผลผลิตส่วนใหญ่นำไปอบแห้งทั้งเปลือก ส่งขายตลาดในประเทศจีนเป็นหลัก ซึ่งการทำตลาดลำไยรูดอบแห้งสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 70% ของปริมาณผลผลิตทั้งหมด ซึ่งการขายลำไยอบแห้งจะขายได้ดีกว่าลำไยสด และคุ้มค่ากับต้นทุนมากกว่า ซึ่งสหกรณ์จะแบ่งตลาดชัดเจน ลำไยสดจะขายตลาดในประเทศ ลำไยอบแห้งส่งขายประเทศจีน เนื่องจากคนจีนนิยมลำไยอบแห้งเพราะเขาใช้ลำไยอบไปเซ่นไหว้ และกินเป็นยาอายุวัฒนะ ที่ผ่านมา ราคาลำไยสดจะขึ้นอยู่กับตลาดลำไยอบแห้งเป็นหลัก

แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะอยู่ที่กิโลกรัมละกี่บาท เพราะในแต่ละปีตลาดลำไยสดขนาดใหญ่ของไทย คือ จึงต้องใช้กลไกสหกรณ์เข้ามาช่วยรองรับผลผลิตลำไยของเกษตรกรและเร่งกระจายสู่ตลาด อย่างไรก็ตาม กรมฯมีนโยบายในการส่งเสริมตลาดผลไม้ของสหกรณ์ จะคัดเฉพาะที่มีคุณภาพทั้งหมด เพื่อให้ผู้บริโภคที่อยู่นอกแหล่งผลิตได้บริโภคสินค้าดีมีคุณภาพ โดยจะเริ่มจากการทำตลาดลำไยคุณภาพในเดือนกรกฎาคมนี้

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.