Posted: 10 Nov 2018 07:46 PM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Sun, 2018-11-11 10:46
สปสช. เผย 'ผ่าตัดวันเดียวกลับ' บรรลุเป้า 9 เดือน ผู้ป่วยรับบริการ 9 กลุ่มโรค 2,176 ราย ผ่าตัดไส้เลื่อนสูงสุด 761 ราย พื้นที่เขต 2 ให้บริการมากสุด 345 ราย เผยผลเปรียบเทียบผ่าตัดปกติต้องนอนใน รพ. ภาพรวมลดวันนอน รพ.ได้ถึง 3,826 วัน ช่วยเพิ่มเตียงว่างดูแลผู้ป่วยโรคอื่น ทั้งลดค่าใช้จ่าย รพ. ทั้งค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าใช้จ่ายอื่น พร้อมช่วยลดค่าใช้จ่ายทางอ้อมของผู้ป่วยและญาติ ปี 2562 เตรียมขยายบริการกลุ่มโรคอื่นเพิ่มเติม
11 พ.ย. 2561 นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า การผ่าตัดแบบวันเดียวกลับ (one day surgery : ODS) เป็นการดำเนินตามยุทธศาสตร์รัฐบาล ตามแนวทางการพัฒนาประเทศไทย Thailand 4.0 ด้านการสาธารณสุข โดยในปี 2560 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ สปสช. กรมบัญชีกลาง และสำนักงานประกันสังคม ส่งเสริมการรักษาแบบผ่าตัดวันเดียวกลับ ต่อมากรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข, ราชวิทยาลัยแพทย์, สมาคมและองค์กรวิชาชีพที่เกี่ยวข้องได้ร่วมมือพัฒนาระบบบริการผ่าตัดวันเดียวกลับในการดูแลผู้ป่วย
สปสช.ในฐานะหน่วยงานสนับสนุนได้ทำการปรับหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายชดเชยค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขรักษาพยาบาลเพื่อรองรับและได้ออกเป็นประกาศสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การเบิกจ่ายบริการผ่าตัดแบบวันเดียวกลับ พ.ศ. 2561
ทั้งนี้ การบริการผ่าตัดวันเดียวกลับประกอบด้วย 12 กลุ่มโรค ได้แก่ 1.โรคไส้เลื่อนขาหนีบ (Inguinal hernia) 2.โรคถุงน้ำอัณฑะ (Hydrocele) 3.โรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoid) 4.ภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด (Vaginal bleeding) 5.หลอดเลือดดำของหลอดอาหาร กระเพาะอาหารขอด (Esophageal varices, Gastric varices) 6.ภาวะหลอดอาหารตีบ (Esophageal stricture) 7.โรคมะเร็งหลอดอาหารระยะลุกลามที่อุดตัน (Obstructive esophageal cancer/tumor) 8.ติ่งเนื้องอกลำไส้ใหญ่ (Colorectal polyp) 9.นิ่วในท่อน้ำดี (Bile duct stone) 10.นิ่วในท่อตับอ่อน (Pancreatic duct stone) 11.ภาวะท่อน้ำดีตีบ (Bile duct stricture) และ 12.ภาวะท่อตับอ่อนตีบ (Pancreatic duct stricture) โดยมีหน่วยบริการที่สามารถให้บริการได้จำนวน 103 แห่งกระจายอยู่ในทุกเขตทั่วประเทศ
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่าจากการให้บริการตั้งแต่เดือน ม.ค. – 20 ก.ย. 2561 มีผู้ป่วยเข้ารับบริการผ่าตัดวันเดียวกลับจำนวน 2,176 ครั้ง กลุ่มโรคที่ผู้ป่วยรับบริการผ่าตัดวันเดียวกลับมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ โรคไส้เลื่อนขาหนีบ มีผู้ป่วยรับบริการมากที่สุดจำนวน 761 ราย รองลงมาหลอดเลือดดำของหลอดอาหาร กระเพาะอาหารขอด จำนวน 388 ราย และติ่งเนื้องอกลำไส้ใหญ่ จำนวน 349 ราย ทั้งนี้จาก 12 กลุ่มโรคที่ให้บริการ มี 3 กลุ่มโรค คือ โรคมะเร็งหลอดอาหารระยะลุกลามที่อุดตัน นิ่วในท่อตับอ่อน และภาวะท่อตับอ่อนตีบ ยังไม่มีข้อมูลเบิกจ่ายจากหน่วยบริการ สำหรับในส่วนข้อมูลบริการเมื่อแยกตามพื้นที่พบว่า พื้นที่ เขต 2 มีอัตราบริการผ่าตัดวันเดียวกลับมากที่สุด จำนวน 345 ราย รองลงมาเขต 5 จำนวน 342 ราย และเขต 1 จำนวน 296 ราย
จากข้อมูลจำนวนบริการรักษาผ่าตัดวันเดียวกลับข้างต้นนี้ ได้มีการประมวลผลและเบิกจ่ายแล้ว 22.89 ล้านบาท แต่ผลที่ได้รับสามารถลดวันนอนและลดค่าใช้จ่ายทางอ้อมของญาติได้ รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายในการบริการของโรงพยาบาล ทำให้ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในส่วนค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการอื่นในการนอนโรงพยาบาล
“จากการสอบถามความพึงพอใจผู้รับบริการ ภาพรวมผู้ป่วยให้คะแนนความพึงพอใจบริการผ่าตัดวันเดียวกลับเฉลี่ย 4.58 คะแนน จาก 5 คะแนน ซึ่งการบริการผ่าตัดวันเดียวกลับนี้ได้ลดวันนอนจากการเป็นผู้ป่วยในเพื่อรับการผ่าตัดรักษาจากจำนวน 5,777 วัน เหลือเพียง 1,951 วัน คิดเป็นจำนวนวันนอนที่ลดลงถึง 3,826 วัน ช่วยลดความแออัดของผู้ป่วยในโรงพยาบาล และทำให้มีเตียงว่างเพื่อรองรับบริการผู้ป่วยในโรคอื่นเพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้ยังลดค่าใช้จ่ายทั้งของโรงพยาบาลและผู้ป่วยได้ รวมถึงการเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วย ซึ่งในปี 2562 คาดว่าจะมีการขยายการผ่าตัดวันเดียวกลับไปยังกลุ่มโรคอื่นๆ เพิ่มเติมต่อไป นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของความร่วมมือในการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเพื่อดูแลสุขภาพคนไทย” เลขาธิการ สปสช. กล่าว
แสดงความคิดเห็น