รถขับซิ่งใช้ความเร็วลดลงช่วงวันหยุดยาว ขณะที่ สธ.แนะโรงพยาบาลเตรียมรับมือคนเดินทางกลับเข้าเมือง
กรมการขนส่งทางบกเผยผลตรวจจับความเร็วของรถด้วยกล้องเลเซอร์ในช่วงวันหยุดต่อเนื่อง 3 วันแรก (15-17 ก.ค.) ซึ่งประชาชนจำนวนมากเดินทางไปยังจังหวัดต่างๆ พบว่าสถิติผู้ขับรถเร็วเกินกำหนดมีจำนวน 312 คัน รถตู้โดยสารประจำทางเป็นรถที่ใช้ความเร็วสูงสุด 128 กม.ต่อชั่วโมง แต่ถือว่าลดลงจากความเร็วสูงสุด 139 กม.ต่อชั่วโมงที่เคยตรวจจับได้ช่วง 3 วันแรกของเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา (11-13 เม.ย.) ซึ่งนายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ระบุว่าเป็นผลมาจากการรณรงค์และการบังคับใช้มาตรการตรวจจับความเร็วบนท้องถนนที่เข้มงวดและต่อเนื่อง
กรมการขนส่งทางบกเผยผลตรวจจับความเร็วของรถด้วยกล้องเลเซอร์ในช่วงวันหยุดต่อเนื่อง 3 วันแรก (15-17 ก.ค.) ซึ่งประชาชนจำนวนมากเดินทางไปยังจังหวัดต่างๆ พบว่าสถิติผู้ขับรถเร็วเกินกำหนดมีจำนวน 312 คัน รถตู้โดยสารประจำทางเป็นรถที่ใช้ความเร็วสูงสุด 128 กม.ต่อชั่วโมง แต่ถือว่าลดลงจากความเร็วสูงสุด 139 กม.ต่อชั่วโมงที่เคยตรวจจับได้ช่วง 3 วันแรกของเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา (11-13 เม.ย.) ซึ่งนายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ระบุว่าเป็นผลมาจากการรณรงค์และการบังคับใช้มาตรการตรวจจับความเร็วบนท้องถนนที่เข้มงวดและต่อเนื่อง
ข้อมูลของกรมการขนส่งทางบกระบุว่าจากจำนวนรถที่ขับเร็วเกินกำหนดทั้ง 312 คัน รถส่วนบุคคลใช้ความเร็วบนท้องถนนเกินกำหนดมากที่สุด คือ 102 คัน รองลงมาคือรถบรรทุกไม่ประจำทาง 67 คัน รถตู้โดยสารประจำทาง 52 คัน รถตู้โดยสารไม่ประจำทาง 48 คัน รถโดยสารประจำทาง 31 คัน และรถโดยสารไม่ประจำทาง 12 คัน
การตรวจสอบความเร็วสาธารณะเป็นการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก โดยใช้กล้องเลเซอร์ตรวจจับบนถนนสายหลักและสายรองทั่วประเทศในช่วงวันหยุดยาว ซึ่งนายสนิทกล่าวเพิ่มเติมว่าแม้ผลการสุ่มตรวจความเร็วบนท้องถนนจะพบว่าความเร็วสูงสุดลดลง แต่ก็ยังสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด อาจเป็นสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้
ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขประกาศให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ 855 แห่ง เตรียมพร้อมดูแลผู้ที่เดินทางกลับจากเทศกาลเข้าพรรษา โดยเตรียมความพร้อมภายในโรงพยาบาล ทั้งเตียง ห้อง อุปกรณ์ และบุคลากร รวมถึงความพร้อมของทีมที่ออกไปดูแลผู้ป่วยที่จุดเกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้มีทีมแพทย์ฉุกเฉินจำนวน 15,223 ทีม และรถพยาบาลที่มีเครื่องมือช่วยชีวิต เพื่อให้การดูแลประชาชนที่เดินทางกลับจากเทศกาลเข้าพรรษาให้ดีที่สุด
การตรวจสอบความเร็วสาธารณะเป็นการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก โดยใช้กล้องเลเซอร์ตรวจจับบนถนนสายหลักและสายรองทั่วประเทศในช่วงวันหยุดยาว ซึ่งนายสนิทกล่าวเพิ่มเติมว่าแม้ผลการสุ่มตรวจความเร็วบนท้องถนนจะพบว่าความเร็วสูงสุดลดลง แต่ก็ยังสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด อาจเป็นสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้
ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขประกาศให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ 855 แห่ง เตรียมพร้อมดูแลผู้ที่เดินทางกลับจากเทศกาลเข้าพรรษา โดยเตรียมความพร้อมภายในโรงพยาบาล ทั้งเตียง ห้อง อุปกรณ์ และบุคลากร รวมถึงความพร้อมของทีมที่ออกไปดูแลผู้ป่วยที่จุดเกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้มีทีมแพทย์ฉุกเฉินจำนวน 15,223 ทีม และรถพยาบาลที่มีเครื่องมือช่วยชีวิต เพื่อให้การดูแลประชาชนที่เดินทางกลับจากเทศกาลเข้าพรรษาให้ดีที่สุด
แสดงความคิดเห็น