ภาพเดิมของปีที่แล้วแสดงงบประมาณกระทรวงกลาโหม ปีงบประมาณ 2547-2561
ส่วนงบประมาณปี 2562 งบกระทรวงกลาโหมอยู่ที่ 2.3 แสนล้าน
งบในหมวดใหญ่ "ด้านความมั่นคง"แตะ 3.3 แสนล้าน (ปีที่แล้วอยู่ที่ 2.7 แสนล้าน)

Posted: 08 Jun 2018 04:54 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)

อดีต รมว.พลังงานจวก คสช.จัดสรรงบทิ้งทวนก่อนเลือกตั้ง แจงงบความมั่นคงจาก 8.5 หมื่นล้านในปี 2549 เป็น 3.3 แสนล้านในปี 2562 ขณะที่งบด้านอื่นเพิ่มน้อย-ถูกลด ชี้ใช้งบไม่มีประสิทธิภาพแต่เป็นของแสลงทุกรัฐบาลไม่กล้าแตะ คุยเพื่อไทยจ้องรื้อจัดสรรใหม่ เอาไปเพิ่มพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

8 มิ.ย.2561 ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าวว่า ตามที่รัฐบาลนำงบประมาณปี 2562 วงเงิน 3 ล้านล้านบาท เข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นั้นปรากฏว่างบประมาณทางความมั่นคงเพิ่มขึ้นเป็น 3.292 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20.14% ในขณะที่งบประมาณเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกลับถูกลดลงเหลือ 4.065 แสนล้านบาท หรือลดลง 14.7% อีกทั้งงบพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และงบการจัดการน้ำและคุณภาพชีวิตก็ลดลงซึ่งน่าจะเป็นการจัดงบประมาณที่ไม่ได้คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประเทศ แต่กลับไปคำนึงถึงประโยชน์ด้านอื่น แม้กระทั่งสื่อต่างประเทศยังวิจารณ์ว่าการเพิ่มงบกลาโหม เป็นการทิ้งทวนก่อนการเลือกตั้ง

ทั้งนี้ จากข้อมูลย้อนหลังพบว่า ตั้งแต่มีการปฏิวัติในปี 2549 จนถึงปัจจุบันงบกระทรวงกลาโหม เพิ่มสูงขึ้น 3 เท่า เพิ่มจาก 85,936 ล้านบาทในปี 2549 มาเป็น 222,437 ล้านบาทในปี 2561 และในปี 2562 นายกรัฐมนตรีบอกงบความมั่นคงเพิ่มเป็น 3.3 แสนล้านบาท ในขณะที่กระทรวงอื่นที่สำคัญๆ เพิ่มน้อยกว่ามาก ยิ่งช่วงที่มีการปฏิวัติจะเห็นว่างบกระทรวงกลาโหมยิ่งเพิ่มขึ้น

“นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ 10 กว่าปีที่ผ่านมาการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยต่ำมาก โตเฉลี่ยเพียงประมาณ 3% กว่า ต่อปีเท่านั้น เพราะการจัดสรรงบไม่มีประสิทธิภาพ ทั้งรัฐบาลจากรัฐประหารและรัฐบาลจากการเลือกตั้งก็พยายามเอาใจทหาร ไม่กล้าลดงบประมาณหรือหยุดการเพิ่มงบทหาร ในขณะที่ความจำเป็นในการต่อสู้กับศัตรูของประเทศมีน้อยลง ถ้าประเทศไทยต้องการจะพัฒนาประเทศ งบกระทรวงกลาโหมจะต้องถูกตัดเพื่อนำมาใช้จ่ายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญมากกว่า”

อย่างไรก็ตามพรรคเพื่อไทยเห็นว่าในอนาคตการรื้อโครงสร้างงบประมาณเดิมทั้งหมด เพื่อจัดสรรงบประมาณใหม่ โดยเรียงลำดับความสำคัญโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศ การพัฒนาความสามารถแข่งขันของประเทศ และการเสริมสร้างการกินดีอยู่ดีให้กับประชาชน จะเป็นนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย เพื่อประโยชน์อย่างแท้จริงของประชาชน

กมธ.งบประมาณ รมว.คลังนั่งประธาน เริ่มพิจารณางบคลังเป็นคิวแรก

ด้านมติชนออนไลน์รายงานว่า ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 วงเงิน 3 ล้านล้านบาท สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จำนวน 50 คน เป็นครั้งแรก เพื่อเลือกตำแหน่งต่างๆ ที่สำคัญ ดังนี้ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เป็นประธาน กมธ. พร้อมทั้งมีรอง ประธาน กมธ.จำนวน 12 คน ได้แก่ นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นรองประธาน คนที่1 นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธาน คนที่ 2 พล.อ.อ.ชนะ อยู่สถาพร สนช. เป็นรองประธาน คนที่ 3 นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นรองประธาน คนที่ 4 นายสนิท อักษรแก้ว สนช. เป็นรองประธาน คนที่ 5 พล.อ.รังสาทย์ แช่มเชื้อ สนช. เป็นรองประธาน คนที่6 นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ สนช. เป็นรองประธาน คนที่ 7 นายวันชัย ศารทูลทัต สนช. เป็นรองประธาน คนที่ 8 นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ สนช. เป็นรองประธาน คนที่ 9 พล.อ.ไพชยนต์ ค้าทันเจริญ สนช. เป็นรองประธาน คนที่ 10 นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล สนช. เป็นรองประธาน คนที่ 11 นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผอ.สำนักงบประมาณ เป็นรองประธาน คนที่ 12

ส่วนกรอบการพิจารณาจะประชุมวันจันทร์ – วันศุกร์ เริ่มประชุมตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน – 3 สิงหาคม 61 เป็นต้นไป โดยในวันจันทร์จะเริ่มประชุมเวลา 13.00 -17.00 น. ส่วนในวันอังคาร – วันศุกร์ จะเริ่มประชุมเวลา 09.00-17.00 น. โดยในการประชุมวันที่ 11 มิถุนายนนี้ เริ่มเวลา 10.00 น. จะเป็นการรับฟังภาพรวมเศรษฐกิจและงบประมาณของประเทศ รวมทั้งพิจารณางบประมาณรายจ่ายของกระทรวงการคลังและหน่วยงานกำกับ เป็นกระทรวงแรก

ทั้งนี้ กล่าวเฉพาะงบกระทรวงกลาโหม ประชาไทเคยจัดทำรายงานดูงบประมาณย้อนหลังเมื่อปีงบประมาณ 2561 ย้อนไป 15 ปี อ่านที่นี่

- งบกระทรวงกลาโหม ปี 52 ได้งบ 1.701 แสนล้าน คิดเป็น 9.27% ของงบรวม 1.835 ล้านล้าน หรือ 1.88% ของ GDP ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ 3.322 แสนล้าน และกระทรวงสาธารณสุข 7.090 หมื่นล้าน

- งบกระทรวงกลาโหม ปี 53 ได้งบ 1.540 แสนล้าน คิดเป็น 9.06% ของงบรวม 1.7 ล้านล้าน หรือ 1.52% ของ GDP ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ 3.467 แสนล้าน และกระทรวงสาธารณสุข 7.162 หมื่นล้าน

- งบกระทรวงกลาโหม ปี 54 ได้งบ 1.685 แสนล้าน คิดเป็น 8.14% ของงบรวม 2.07 ล้านล้าน หรือ 1.59% ของ GDP ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ 3.911 แสนล้าน และกระทรวงสาธารณสุข 8.690 หมื่นล้าน

- งบกระทรวงกลาโหม ปี 55 ได้งบ 1.686 แสนล้าน คิดเป็น 7.08% ของงบรวม 2.38 ล้านล้าน หรือ 1.36% ของ GDP ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ 4.204 แสนล้าน และกระทรวงสาธารณสุข 9.199 หมื่นล้าน

- งบกระทรวงกลาโหม ปี 56 ได้งบ 1.804 แสนล้าน คิดเป็น 7.52% ของงบรวม 2.4 ล้านล้าน หรือ 1.30% ของ GDP ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ 4.604 แสนล้าน และกระทรวงสาธารณสุข 9.978 หมื่นล้าน

- งบกระทรวงกลาโหม ปี 57 ได้งบ 1.838 แสนล้าน คิดเป็น 7.28% ของ งบรวม 2.525 ล้านล้าน หรือ 1.39% ของ GDP ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ 4.827 แสนล้าน และกระทรวงสาธารณสุข 1.06 แสนล้าน

- งบกระทรวงกลาโหม ปี 58 ได้งบ 1.92 แสนล้าน คิดเป็น 7.45% ของงบรวม 2.575 ล้านล้านหรือ 1.40% ของ GDP ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ 5.01 แสนล้าน และกระทรวงสาธารณสุข 1.09 แสนล้าน

- งบกระทรวงกลาโหม ปี 59 ได้งบ 2.06 แสนล้าน คิดเป็น 7.57% ของงบรวม 2.720 ล้านล้าน หรือ 1.43% ของ GDP ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ 5.17 แสนล้าน และกระทรวงสาธารณสุข 1.23 แสนล้าน

- งบกระทรวงกลาโหม ปี 60 ได้งบ 2.135 แสนล้าน คิดเป็น 7.30% ของงบรวม 2.923 ล้านล้าน ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ 5.139 แสนล้าน และกระทรวงสาธารณสุข 1.311 แสนล้าน

- งบกระทรวงกลาโหม ปี 61 ที่เพิ่มผ่านวาระแรก ได้ 2.22 แสนล้าน คิดเป็น 7.65% งบรวม 2.9 ล้านล้าน ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ 5.109 แสนล้าน และกระทรวงสาธารณสุข 1.361 แสนล้าน

[full-post]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.