Fahroong Srikhao ฟ้ารุ่ง ศรีขาว

‘เนติวิทย์’ ในแอมเนสตี้ ตำแหน่งใหม่จากการเลือกตั้ง หวังว่าจะไม่โดน ‘ยึดอำนาจ’ ซ้ำรอย

นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เพิ่งได้รับการเลือกตั้งให้เป็นกรรมการเยาวชนของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย (Amnesty International Thailand) เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.61 กล่าวถึงตำแหน่งล่าสุดที่เขาได้รับว่า ตำแหน่งนี้มาจากการประชุมปีที่แล้ว ที่อยากให้เยาวชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการบริหาร ดังนั้น จึงเป็นตำแหน่งของเยาวชนโดยเฉพาะ กำหนดอายุไม่เกิน 25 ปีจึงจะสมัครได้

เดิมแอมเนสตี้เคยมีตำแหน่งในลักษณะเดียวกันนี้ แต่ไม่มีส่วนร่วมในการบริหาร ขณะที่ตอนนี้จะได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหารองค์กรแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลประเทศไทยด้วย

ที่มาของตำแหน่ง ผ่านการเลือกตั้งจากผู้สมัครทั้งหมด 4 คน โดยการเลือกตั้งจะมีขึ้นระหว่างการประชุมประจำปีของทุกปี เพื่อทดแทนคนที่ลาออกหรือหมดวาระ ปีนี้มีเลือกตำแหน่งประธานและรองประธานที่หมดวาระและตำแหน่งเยาวชน

-เตรียมใช้ตำแหน่งผลักดันประเด็นอะไร

จะใช้ตำแหน่งผลักดันการแก้ปัญหาโรงเรียน ทั้งปัญหาการทุจริต ปัญหาการเอาเด็กไปยืนตากแดด หรือไปทำอะไรแปลกๆ เห็นมาเยอะมาก ตอนนี้ก็เป็นโอกาสดี เมื่อได้รับตำแหน่ง ก็จะได้เข้าไปตามโรงเรียนเลย

ผมจะลงพื้นที่ ผมจะเก็บข้อมูลให้เยอะ แล้วเราต้องเพิ่มสมาชิกแอมเนสตี้ ตอนนี้เข้าใจว่าสมาชิกเยาวชนของแอมเนสตี้ยังมีไม่มาก ผมก็อยากจะทำให้สมาชิกเยาวชนกลับมามีมากขึ้น มาเคลื่อนไหวตรงนี้ ซึ่งผมคิดว่าเป็นส่วนสำคัญมาก

-ทำไมจึงให้ความสำคัญกับความเป็นสมาชิก

การเป็นสมาชิกมีพันธะบางอย่าง ไม่ใช่เพียงแอมเนสตี้ แต่หมายถึงองค์กรอื่นในลักษณะเช่นนี้ ถ้ามีมากก็จะทำให้ภาคประชาสังคมเข้มแข็ง มิฉะนั้น จะเป็นกลุ่มอิสระซึ่งกลุ่มอิสระก็ไม่ได้เสียหาย แต่สำหรับองค์กรแบบนี้ จะมีการดำเนินงานต่อเนื่องหลายอย่างเพราะองค์กรไม่ได้ทำเรื่องเยาวชนอย่างเดียว แต่ทำเรื่องรัฐประหาร เรื่องที่ดิน เรื่องสภาพภูมิอากาศ มีอีกหลายเรื่องที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ดังนั้น การเป็นสมาชิก เหมือนได้ทำอะไรบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่าความสนใจของตัวเอง

-ผ่านการเลือกตั้งหลายครั้งและถูกยึดอำนาจทุกครั้ง คิดว่าครั้งนี้จะซ้ำรอยถูกยึดอำนาจอีกหรือไม่

ครั้งนี้ได้รับการเลือกตั้งเป็นครั้งที่ 3 โดยครั้งแรกลงสมัครประธานสภานักเรียน ผมได้เสียง 60% ของทั้งโรงเรียนแล้วถูกรัฐประหาร

พอครั้งที่ 2 เป็นประธานสภานิสิตอยู่ 2 เดือน แล้วถูกรัฐประหารเช่นเดียวกัน ถูกปลด ถูกยึดคะแนนไป

แล้วครั้งที่ 3 ที่ได้รับการเลือกตั้งคือครั้งนี้ ก็หวังว่าจะอยู่ได้อีก 4 เดือน(หัวเราะ)

เชื่อว่าเรามีบทเรียนในอดีตที่ผิดพลาด เราได้รู้จักคนเยอะขึ้น แล้วผมว่าองค์กรนี้คงไม่เหมือนองค์กรที่ผ่านมา

ผมเชื่อว่า ผมน่าจะอยู่ได้มากกว่า 6 เดือน แต่วาระนี่ 2 ปีนะ (หัวเราะ)

-ให้จับตาผลงานเรื่องอะไรในสถานะใหม่หลังจากนี้

เรื่องนักเรียน เพราะผมเป็นนักศึกษาก็จริง แต่ปัญหาหนึ่งที่ผมคาใจมาตลอด ก็คือเรื่องการศึกษาไทย ซึ่งผมว่า ถ้าจะเปลี่ยนต้องเปลี่ยนตั้งแต่นักเรียน และนักเรียนตอนนี้ยุคมันเปลี่ยนไปมาก แต่โรงเรียนไม่เปลี่ยนไปตาม โดยโรงเรียนยังยึดติดอยู่เหมือนเดิม และความเข้าใจระหว่างครูกับนักเรียนตอนนี้เลวร้ายมาก นักเรียนก็ไม่เข้าใจครู ครูก็ไม่เข้าใจนักเรียน บางครั้งต่างฝ่ายก็ไม่เคารพสิทธิมนุษยชนซึ่งกัน

เราต้องสร้างความเข้าใจอันดี ผมไม่ต้องการแตกหัก แต่ผมต้องการสร้างพื้นฐานความเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชนให้ได้ในโรงเรียน ซึ่งจะทำให้ประเทศชาติเราพัฒนา

-คาดว่าจะได้ทำอะไรในตำแหน่งใหม่ ให้มีผลกลับมาที่มหาวิทยาลัยไหม

แน่นอนครับ ตอนนี้ก็ถือว่าโชคดี เพราะสภานิสิตจุฬาฯ ชุดใหม่ประกาศอย่างชัดเจนเลยว่าอยากทำงานเพื่อนิสิตหลายเรื่อง ผมก็หวังว่าจะได้ร่วมมือกับทางนั้น เช่นเดียวกับร่วมมือกับทางองค์การบริหารสโมสรนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) ในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน

ผมจะทำเหมือนเดิม เช่น ทำปฏิญญารับน้องมาแจก เช่น รุ่นพี่จะทำความรุนแรงกับรุ่นน้องไม่ได้

ตอนนี้มีนิสิตจุฬาฯ หลายคนติดต่อผม อยากร่วมงานกับผมที่แอมเนสตี้ด้วย

ดังนั้น ตำแหน่งนี้ บางทีมีคนสนใจมากกว่าตำแหน่งประธานสภานิสิตอีก(หัวเราะ)

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.