Posted: 07 Nov 2018 11:36 PM PST  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Thu, 2018-11-08 14:36

กัปตันปาร์ค ชาตง

มหาตมะคานธีแสดงอารยะขัดขืนต่อคำสั่งของอังกฤษที่ห้ามคนอินเดียสัมผัสเกลือ (ห้ามผลิต-ห้ามขาย)
ในเชิงสัญลักษณ์หมายความว่า ต่อไปนี้คนอินเดียสามารถผลิต/ขายเกลือเองได้แล้ว
และหลังจากนั้นคนอินเดียจึงลุกขึ้นมาขัดขืนคำสั่งของอังกฤษทั่วประเทศ


ตามที่มีข่าวว่ากรมสรรพสามิตเตรียมเสนอ ครม. ผ่านภาษีอาหารมันและเค็มตามที่สื่อแขนงต่างๆรายงานนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่

ในอดีตก็เคยมีการควบคุม “เกลือ” ที่อินเดียภายใต้การควบคุมของจักรวรรดินิยมอังกฤษ สืบเนื่องจากชายฝั่งของประเทศอินเดียมีความยาวกว่า 6 พันกิโลเมตรตลอดชายฝั่งตะวันออกจรดชายฝั่งตะวันตก ประกอบกับภูมิประเทศอยู่ในเขตร้อน จึงทำให้การผลิตเกลือสามารถทำได้ตลอดปี มีผลผลิตจำนวนมาก คุณภาพดี และราคาถูก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเกลือที่ถูกนำเข้าจากประเทศอังกฤษโดยบริษัท East India

นอกจากอินเดียจะเป็นแหล่งแรงงานราคาถูกแล้ว ทรัพยากรทางการเกษตรอื่นๆไม่ว่าจะเป็นฝ้าย ปอ ฝิ่น และเกลือยังถือว่าเป็นขุมทองที่ให้จักรวรรดินิยมอังกฤษตักตวงได้อย่างไม่อั้น แม้ว่าการผลิตเกลือของอินเดียจะไม่ใช่ความต้องการของคนอังกฤษสักเท่าไหร่ เพราะอังกฤษก็สามารถผลิตเกลือได้เพียงพอกับความต้องการภายในประเทศ แต่ตลาดการบริโภคเกลือในอินเดียถือเป็นตลาดที่ใหญ่มากและสร้างมูลค่าไม่ใช่น้อยๆ ในสายตาของอังกฤษแล้วตลาดเกลือในอินเดียจึงเป็นช่องทางการค้าที่สร้างกำไรมหาศาลให้แก่เจ้าอาณานิคม

นอกจากความสำคัญในเรื่องส่วนแบ่งทางการตลาดแล้ว การควบคุมเกลือยังหมายถึงความสามารถในการควบคุมการต่อต้านจากผู้อยู่ใต้การปกครองได้อีกด้วย ทั้งนี้สืบเนื่องจากคนอินเดียมักไม่กินเนื้อสัตว์ การปรับสมดุลของเกลือแร่ในร่างกายจึงอาศัยเกลือเป็นหลักเมื่อร่างกายสูญเสียเกลือผ่านเหงื่อของพวกเขา

ด้วยผลประโยชน์ข้างต้น อังกฤษจึงได้ผ่านกฎหมายการควบคุมเกลือและเพิ่มภาษีเพื่อให้เกลืออังกฤษที่มีคุณภาพแย่กว่าเกลืออินเดียและแพงกว่าสามารถขายได้ในตลาดอินเดีย และออกกฎหมายควบคุมการการทำนาเกลือในอินเดียผูกขาดโดยคนของคนอังกฤษเท่านั้น ดังนั้นการทำนาและขายเกลือของคนอินเดียในประเทศอินเดียจึงถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมายตลอดในช่วงการปกครองของจักรวรรดินิยมอังกฤษในช่วงหลังศตวรรษที่ 19

ผลประโยชน์และการควบคุมคนเดียผ่านกฎหมายและภาษีเกลือของอังกฤษ จึงทำให้อังกฤษเป็นชาติแรกๆของโลกที่จัดการกับเกลือแร่หรือสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมนุษย์

จริงอยู่ที่กรมสรรพสามิตคงจะไม่ได้มีความคิดไปไกลถึงขนาดจะทำให้ประชาชนอ่อนแอเพราะขาดสมดุลของเกลือแร่ในร่างกายไปเพื่อป้องกันการลุกฮือของประชาชนในอนาคตหรอก แต่ผลประโยชน์ที่จะได้มาจากการเรียกเก็บภาษีความเค็มและความมันในอาหารน่าจะเป็นรายได้เป็นกอบเป็นกำไม่ใช่น้อย เพราะส่วนประกอบหลักๆในการทำอาหารไทยก็มีอยู่แค่ 3 อย่างคือ น้ำมัน น้ำตาล และเกลือ

ฤารัฐบาลเผด็จการทหารอยากจะใช้ข้ออ้างเรื่องสุขภาพของประชาชน เพื่อหาทางเรียกเก็บภาษีตัวใหม่ๆเพื่อไปซื้อเครื่องบินฝูงใหม่ก่อนที่จะหมดวาระและเข้าสู่โหมดเลือกตั้งในปีหน้า

แนวคิดเรียกเก็บภาษีอันตรายตัวนี้ การล่มสลายของจักรวรรดินิยมอังกฤษน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีของรัฐบาลทหารนะครับ

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.