'ผสานวัฒนธรรม' จี้นำคนผิดมาลงโทษเยียวยาผู้เสียหาย กรณีทหารวิสามัญ 'ชัยภูมิ ป่าแส'

Posted: 20 Mar 2017 11:28 PM PDT  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ขอให้นำคนผิดมาลงโทษเยียวยาผู้เสียหาย กรณีทหารวิสามัญนักเรียนมัธยม เยาวชนต้นกล้าชาวลาหู่ คุ้มครองพยานในการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง

21 มี.ค. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้ออกแลถงการณ์ ขอให้นำคนผิดมาลงโทษเยียวยาผู้เสียหาย กรณีทหารวิสามัญนักเรียนมัธยม เยาวชนต้นกล้าชาวลาหู่ คุ้มครองพยานในการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ชัยภูมิ ป่าแส เยาวชนชายนักเรียนมัธยม 4 มีภูมิลำเนาที่ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ถูกเจ้าหน้าที่ทหารยิงเสียชีวิตโดยอ้างว่าเป็นเหตุวิสามัญฆาตกรรมขณะตรวจค้นยาเสพติด โดยการปฎิบัติการครั้งนี้เป็นพื้นที่รับผิดชอบของร้อย.ม.2 บก.ควบคุมที่ 1 ฉก.ม 5 เหตุเกิดเวลาประมาณ 10.00 น. บริเวณด่านตรวจ บ.รินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ร่วมกับ ชสท.ที่ 9 กกล.ผาเมือง โดยเจ้าหน้าที่ทหารบริเวณด่านตรวจดังกล่าวอ้างว่าขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อ Honda รุ่น jazz สีดำ ป้ายทะเบียน ขก 3774 เชียงใหม่ ขับมาตามเส้นทางจาก บ.เมืองนะ โดยมี พงศนัย แสงตะหล้า อายุ 19 ปี เป็นผู้ขับและ ชัยภูมิ ป่าแส อายุตามบัตร 21 ปี นั่งมาด้วย ได้ให้ความร่วมมือออกมาจากรถ แต่เกิดมีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่ทหารและมีการทำร้ายร่างกาย ต่อมา ชัยภูมิ ถูกยิงเสียชีวิตในบริเวณใกล้ด่านทหารดังกล่าว ส่วนพงศนัยถูกจับกุมดำเนินคดีส่งตัวเพื่อฝากขังข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง

เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสงสัยให้กับชาวบ้านและนักกิจรรมในพื้นที่เป็นอย่างมากเนื่องจากชัยภูมิเป็นนักเยาวชนนักกิจรรมเครือข่ายเยาวชนต้นกล้า มีความสามารถทางดนตรีและการทำภาพยนตร์สั้น แม้ยังไม่มีสัญชาติไทยแต่ได้ทำงานเรียกร้องสิทธิในการมีสัญชาติให้กับตนเองและชุมชนด้วยแนวทางสันติวิธี อีกทั้งเป็นที่รักของพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์และภาคประชาสังคม ร่วมทำกิจกรรมทางสังคม ออกค่าย แต่งเพลง เล่นดนตรี และทำหนังสั้น รวมทั้งได้เข้าร่วมโครงการ “เด็กและเยาวชนส่งเสียงเพื่อสื่อสารสังคม” ของมูลนิธิส่งเสริมเพื่อเด็กและเยาวชน สถาบันเด็กและเยาวชน (สสย.) สะท้อนปัญหาของเด็กชนเผ่า ส่วนพงศนัยก็เป็นนักเรียนดีเด่นของโรงเรียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นประธานนักเรียน โดยทั้งสองคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกัน

ทั้งนี้ทางหน่วยงานทหารได้นำเสนอข่าวและภาพโดยอ้างว่าได้มีการตรวจค้นรถยนต์พบยาเสพติดจำนวนหนึ่ง พบมีดทำการเกษตรและมีระเบิดหนึ่งลูก อีกทั้งการวิสามัญฆาตกรรมชัยภูมิเกิดจากเจ้าหน้าที่ติดตามในระหว่างชัยภูมิวิ่งหลบหนี ผู้ต้องหาพยายามจะนำระเบิดแบบขว้างสังหารไม่ทราบชนิดใส่เจ้าหน้าที่ จึงยิงตอบโต้ไป 1 นัดทำให้ชัยภูมิเสียชีวิต ซึ่งอาจขัดกับพยานหลักฐานที่ปรากฎตามเนิ้อตัวร่างกายของผู้ตาย และข้อมูลพยานหลักฐานที่ฝ่ายชาวบ้านกล่าวอ้าง

การปราบปรามยาเสพติดเป็นภาระกิจสำคัญซึ่งต้องดำเนินการด้วยความเป็นมืออาชีพและงานด้านการข่าวที่แม่นยำ อีกทั้งเมื่อมีการมอบหมายภาระกิจสำคัญกับเจ้าหน้าที่ทหารที่อาจไม่มีความเชี่ยวชาญในการปราบปรามยาเสพติด จนอาจนำมาสู่การใช้กำลังเกินกว่าเหตุและการกระทำการละเมิดต่อประชาชน หากขาดการตรวจสอบถ่วงดุลย่อมอาจทำให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนและกระทำการที่นอกกฎหมายได้ ในขณะเดียวกันสิทธิในชีวิตย่อมต้องได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย และไม่มีใครควรถูกพรากชีวิตไปโดยพลการ

มูลนิธิผสานวัฒนธรรมมีความห่วงกังวลในการสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว จึงขอเรียกร้องดังนี้ 1. ขอให้ทางราชการดำเนินการชันสูตรพลิกศพและการไต่สวนการตายให้ได้สาเหตุการเสียชีวิต ใครเป็นผู้ทำให้เกิดการเสียชีวิตโดยเร่งด่วนและรอบคอบ และขอให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนในระดับจังหวัดเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่รอบด้านและเป็นจริง ทั้งนี้คณะกรรมการฯต้องเป็นที่ยอมรับของประชาชน

2. การสืบสวนสอบสวนการละเมิดสิทธิมนุษยชนดังกล่าวต้องคำนึงถึงการคุ้มครองพยาน และการให้ความเป็นธรรมกับทั้งผู้เสียหาย (ผู้เสียชีวิตและผู้ต้องหาคดียาเสพติด) และผู้ถูกกล่าวหา(กรณีการวิสามัญฆาตกรรม) ด้วยความเป็นธรรม เนื่องจากเป็นคดีที่เป็นที่สนใจของสาธารณะชนและเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อกลุ่มเปราะบางที่เป็นชนเผ่าพื้นเมือง และมีการนำผู้ต้องสงสัยกระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยไม่ละเว้น เนื่องจาก ดังนั้นจึงขอให้ย้ายเจ้าหน้าที่ทหารที่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่โดยด่วนเพื่อไม่ให้ข่มขู่หรือยุ่งเหยิงกับพยาน 3. ขอให้รับประกันว่าการดำเนินคดีต่อ พงศนัย ผู้ต้องสงสัยกรณีที่เจ้าหน้าที่อ้างว่าตรวจพบยาเสพติดให้โทษจำนวนหนึ่งในรถยนต์ที่ตรวจค้นขณะเกิดเหตุการณ์วิสามัญ มีความเป็นธรรม อีกทั้งจะต้องมีการคุ้มครองพยานและรับประกันความปลอดภัยต่อนายพงศนัยฯ ในขณะถูกควบคุมตัวด้วย

และ 4. มีข้อมูลน่าเชื่อว่ามีเหตุการณ์ลักษณะคล้ายกันเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2560 เกิดเหตุวิสามัญฆาตกรรม อาเบ แซ่หมู่อายุ 32 ปี โดยทหารในเขตพื้นที่รับผิดชอบของร้อย.ม.2 บก.ควบคุมที่ 1 ฉก.ม 5 เช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่ก็ได้อ้างข้อเท็จจริงและเหตุผลในลักษณะเดียวกันว่า ได้ตรวจยาเสพติดและในติดตามจับกุม อาเบ ที่พยายามหลับหนี อาเบ ได้ขัดขวางการจับกุม และพยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ด้วยการขว้างระเบิดที่มีลักษณะคล้ายกันใส่เจ้าหน้าที่ ด้วยเหตุดังกล่าวจึงขอเรียกร้องให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี อาเบ แซ่หมู่ ถึงพฤติกรรมและการปฏิบัติหน้าที่ในด้านการปราบปรามยาเสพติด ของเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยนี้เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้กับญาติและชุมชนของอาเบด้วยเช่นกัน

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.