Atukkit Sawangsuk

“ชูวิทย์” แนะเทคนิคพ้นคุกเร็ว ชี้ “ยู่ยี่” เดินหมากผิดป่านนี้ควรได้อิสรภาพแล้ว

http://www.manager.co.th/OnlineSection/ViewNews.aspx…

เรื่องที่ชูวิทย์โพสต์นี่มันสะท้อนความย่ำแย่ของกระบวนการยุติธรรมเสียมากกว่า คือมันกลายเป็นการบีบให้คนยอมรับสารภาพ แทนที่จะต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง

ต้องเข้าใจนะครับว่า ชูวิทย์น่ะ ผิดแหงแก๋ ไม่มีทางดิ้น พยานหลักฐานมัดตั้งแต่ปากถึงหัวแม่ตีน ฉะนั้นการรีบรับสารภาพรีบให้คดีจบรีบเข้าคุก จะได้ปฏิบัติตัวดี เป็นนักโทษชั้นดีชั้นเยี่ยม จึงเป็นหนทางที่ดีที่สุดของชูวิทย์

แต่คนที่คิดว่าเขาไม่ผิดล่ะ


ที่ผ่านมา เรามักได้ฟังคดี 112 ว่าจำเลยไม่ได้ประกัน สู้คดียังไงก็ไม่ได้ประกัน รับสารภาพซะดีกว่าตั้งแต่ศาลชั้นต้น ให้มันรีบจบๆ ไป จะได้ขอพระราชทานอภัยโทษ (แต่คดีแม่ลูก 2 ที่เชียงใหม่ ขึ้นศาลทหาร ออกมาสลดใจยิ่ง)

แต่คดีอาญาอื่นๆ ก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่นะครับ โดยเฉพาะชาวบ้านธรรมดา ที่ไม่มีเงินประกันตัว ไม่มีเงินจ้างทนายสู้คดี ฯลฯ ก็เป็นอย่างนี้เยอะไป คือไหนๆ ก็อยู่ในคุกอยู่แล้ว สารภาพเสียดีกว่าจะได้ลดโทษ

ตามที่ชูวิทย์อธิบาย โทษ 20 ปี สารภาพเสียลดเหลือ 10 ปี ทันทีที่ศาลตัดสินแล้วไม่อุทธรณ์ กรมราชทัณฑ์ก็จะเริ่มนับหนึ่ง ว่าคุณเป็นนักโทษเด็ดขาด เริ่มต้นเป็นนักโทษชั้นกลาง ทำตัวดีๆ (ก็ปกติทั่วไปนั่นแหละ ขอแค่ไม่ผิดวินัย) ครบ 1 ปีครึ่ง ก็ได้เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ได้ลดโทษทุกครั้งที่มีอภัยโทษ จาก 10 ปีก็เหลือแค่ 5 ปี พอติดคุกจริงๆ ได้ 3 ปี เวลาที่เหลือก็ขอพักโทษ ไปอยู่กับลูกได้

แต่ยู่ยี่ไม่สารภาพ เธอสู้คดี ระหว่างเธอสู้คดีนี้ ถือว่ายังไม่ใช่นักโทษเด็ดขาด ไม่มีลดโทษอะไรให้ทั้งสิ้น จนกระทั่งศาลฎีกาตัดสิน คดีถึงที่สุด จึงเริ่มเป็นนักโทษชั้นกลาง แถมเริ่มจากโทษ 15 ปี 3 เดือน ไม่ใช่ 10 ปี (แม้หักเวลาที่เธอจำคุกไปแล้ว 2 ปี 9 เดือน เหลือ 12 ปี 6 เดือน) แล้วระหว่างที่สู้คดีนี้ กรมราชทัณฑ์ปรับเกณฑ์ใหม่ ต้องอยู่อีก 3 ปีครึ่งถึงจะได้เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ที่จะเริ่มได้ลดโทษเวลามีอภัยโทษ

คำถามคือ ระบบการลดโทษแบบนี้ทำให้เกิดอะไรขึ้น

1.คนผิดจริง รู้ว่าตัวเองไม่รอดแหง รีบๆ รับ จะได้ออกเร็วๆ

2.คนที่เชื่อว่าตัวเองไม่ผิด พยายามต่อสู้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง แต่กลับแพ้คดี จะยิ่งโดนหนัก ติดคุกนานกว่า

3.คนที่ไม่ผิด แต่มองว่าสู้ยาก โดยเฉพาะคนยากจน จะเลือกหนทางรับสารภาพเสียดีกว่า เพราะระบบล่อใจ

กลับมาที่ 112 อย่างสมยศไงครับ สมยศสู้ เพื่อให้เป็นคดีตัวอย่าง ฎีกาลงโทษ 6 ปี+หมิ่นสพรั่ง 1 ปี สมยศติดมาแล้ว 5 ปีกว่าจะครบ 6 ปีเดือนเมษานี้ แต่สมยศเพิ่งถือเป็นนักโทษเด็ดขาดเมื่อวันตัดสิน 23 ก.พ. กว่าจะได้เป็นนักโทษชั้นดี สมยศก็ครบกำหนดก่อน=ไม่ได้ลดโทษเลยแม้แต่น้อย ซึ่งบางคนก็อาจบอกว่า ถ้่าอย่างนี้สมยศรับสารภาพเสียตั้งแต่ศาลชั้นต้นเมื่อปี 56 ป่านนี้ได้ออกไปแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.