Posted: 07 Jun 2018 02:59 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)

7 มิ.ย.2561 หลังจาก ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญออกมาเปิดประเด็นเรื่อง ‘ดาวเทียมจารกรรม’หรือดาวเทียม THEIA มูลค่าสูงถึง 90,000 ล้านบาทที่กองทัพศึกษาและลงนามข้อตกลงบางอย่างกับบริษัทในสหรัฐอเมริกาจนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์และเป็นข่าวตอบโต้กันไปมาระหว่างกองทัพและตัวเขาอยู่หลายวัน

ล่าสุด พล.อ.อ. มณฑล สัชฌุกร โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุธติธรรม ระบุว่า พล.อ.อ.ประจินได้ให้ฝ่ายกฎหมายของกระทรวงยุติธรรมไปตรวจสอบและแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับนายศรีสุวรรณฯในฐานให้ข้อมูลที่เป็นเท็จต่อ ป.ป.ช. และเป็นการสร้างความเสียหายต่อการปฏิบัติหน้าที่ของรองนายกรัฐมนตรีและสร้างความสับสนต่อสังคม สำหรับข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวนี้คือ โครงการดาวเทียมเธเออ (THEIA) เป็นดาวเทียมสื่อสารเชิงพาณิชย์ มีแค่การศึกษาด้านเทคนิคโดยอนุกรรมการนโยบายอวกาศ กับ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ สทป. เท่านั้น ยังไม่มีนโยบายและโครงการรองรับและไม่มีการทำข้อตกลงแต่ประการใดของคณะกรรมการศึกษาข้อมูลทางเทคนิค ทั้งนี้เป็นไปตามการชี้แจงของโฆษกกระทรวงกลาโหมทุกประการ

ด้านศรีสุวรรณ โพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัวระบุว่า “ถ้าคิดจะฟ้องปิดปากผมด้วยการฟ้องศาล... ผมก็พร้อมสู้และจะฟ้องกลับฐานฟ้องเท็จครับ”

การฟ้องกลับนี้เกิดขึ้นหลังจากที่วานนี้ (6 มิ.ย.) ศรีสุวรรณได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ให้ไต่สวนและวินิจฉัยว่าการที่ สปท. ไปลงนามในหนังสือแสดงการรับรู้ หรือ LOA (Letter of Acknowledge) หนังสือแสดงความจำนง หรือ LOI (Letter of Intent) และ หนังสือยืนยัน หรือ LOC (Letter of Confirm) เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 178 หรือไม่ และการที่บริษัทเจ้าของดาวเทียมจารกรรมจ่ายค่าเดินทางและค่ารับรองคณะของ สทป. และคณะของรองนายกฯ ประจินที่ไปดูงานดาวเทียมที่สหรัฐอเมริกาเป็นการผิดกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 103 หรือไม่ด้วย

รัฐธรรมนูญ มาตรา 178 ระบุว่า พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอํานาจในการทําหนังสือสัญญาสันติภาพ สัญญาสงบศึก และสัญญาอื่นกับนานาประเทศหรือกับองค์การระหว่างประเทศ

หนังสือสัญญาใดมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย หรือเขตพื้นที่นอกอาณาเขตซึ่งประเทศไทย มีสิทธิอธิปไตยหรือมีเขตอํานาจตามหนังสือสัญญาหรือตามกฎหมายระหว่างประเทศหรือจะต้องออก พระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา และหนังสือสัญญาอื่นที่อาจมีผลกระทบต่อความมั่นคง ทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการค้าหรือการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวาง ต้องได้รับความเห็นชอบ ของรัฐสภา ในการนี้ รัฐสภาต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเรื่อง หากรัฐสภา พิจารณาไม่แล้วเสร็จภายในกําหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่ารัฐสภาให้ความเห็นชอบ

หนังสือสัญญาอื่นที่อาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการค้า หรือการลงทุน ของประเทศอย่างกว้างขวางตามวรรคสอง ได้แก่ หนังสือสัญญาเกี่ยวกับการค้าเสรี เขตศุลกากรร่วม หรือการให้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติ หรือทําให้ประเทศต้องสูญเสียสิทธิในทรัพยากรธรรมชาติทั้งหมด หรือบางส่วน หรือหนังสือสัญญาอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ

ให้มีกฎหมายกําหนดวิธีการที่ประชาชนจะเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและได้รับ การเยียวยาที่จําเป็นอันเกิดจากผลกระทบของการทําหนังสือสัญญาตามวรรคสามด้วย

เมื่อมีปัญหาว่าหนังสือสัญญาใดเป็นกรณีตามวรรคสองหรือวรรคสามหรือไม่ คณะรัฐมนตรี จะขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็ได้ ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับคําขอ

มาตรา 103 ของกฎหมาย ป.ป.ช. กำหนดห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคล นอกจากมีกฎหมายบัญญัติให้รับได้ เว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยา ตามหลักเกณฑ์และจำนวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด มาตรา 103 ใช้บังคับกับเจ้าหน้าที่ของรัฐในทุกตำแหน่ง และบังคับกับเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐมาแล้วยังไม่ถึง 2 ปี

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.