นักวิชาการโพสต์ FB เหตุผลที่ต้องขอความเป็นธรรมให้ “ชัยภูมิ ป่าแส” เยาวชนนักกิจกรรมสร้างสรรค์หลังถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญ

เฟซบุ๊ก Chainarong Sretthachau (ไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ) นักวิชาการโพสต์ ข้อความ ระบุว่า “ทำไมต้องขอความเป็นธรรมให้น้อง “จะอุ๊” หรือ “ชัยภูมิ ป่าแส” ลําดับเหตุการณ์จากปากคําชาวบ้านบ้านกองผักปิ้ง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เช้าวันที่ 17 มีนาคม 2560 ชัยภูมิพาเพื่อนที่เรียนหนังสือด้วยกันที่ตัวเมืองเชียงดาวมาที่บ้าน ของไมตรี จําเริญสุขสกุล กลุ่มรักษ์ลาหู่ เพื่อดูรายละเอียดอุปกรณ์สําหรับจะเดินไฟบ้านให้ไมตรี

หลังจากนั้น ชัยภูมิกับเพื่อนที่ทราบชื่อภายหลังคือ พงศนัย (ยิว) จึงออกไปราว 08.30 น. ในเวลาหลังจากนั้นไม่นาน ชัยภูมิโพสต์บนเฟซบุ๊กว่าไปเที่ยวที่พระธาตุ (อยู่แถวบ้าน) กับเพื่อน ‘ฉันทนา ป่าแส’ ลูกพี่ลูกน้องของชัยภูมิกําลังเดินทางกลับบ้านจากธุระที่ จ.เชียงใหม่ และผ่านด่านรินหลวง พบว่ามีการกั้นส่วนหนึ่งของด่านไว้และเห็นรถของชัยภูมิจอดอยู่ มีทหารตํารวจอยู่เต็มไปหมด มีเจ้าหน้าที่ใส่สูทและผู้หญิงใส่กระโปรง (ทราบภายหลังว่าแนะนําตัวว่าเป็นอัยการ) และหมอใส่เสื้อกาวน์สีขาว เธอสอบถามจากคนที่อยู่บนรถอีกคันที่จอดดูอยู่ เขาบอกว่า ทหารยิงคนส่งยา

ในตอนนั้นฉันทนาเห็นเพื่อนของชัยภูมิและศพถูกคลุมผ้าไว้ไกล ๆ จึงรีบโทรศัพท์กลับบ้าน และก็พบว่ายังไม่มีใครทราบเรื่อง ฉันทนาจึงโทรศัพท์บอกพี่สาวที่ทํางานอยู่ในอําเภอหางดง (ไพรนภา ป่าแส) ไพรนภา รีบโทรศัพท์ถามคนในหมู่บ้านเช่นกัน คนในหมู่บ้านจึงได้โทรศัพท์บอกไมตรี เพราะไมตรีเป็นเหมือนพี่ชายที่ดูแลชัยภูมิมาตลอด แทนแม่และพ่อเลี้ยงไมตรีเดินทางไปถึงด่านรินหลวงราวเที่ยง มีทหารตํารวจ 30 – 40 นาย ทหารให้นั่งรอฝั่งตรงข้ามป้อมตํารวจร้าง ไมตรี พยายามจะเข้าไปดู เห็นศพอยู่หลังป้อมตํารวจในระยะไกล ประมาณ 200 – 300 เมตร แต่ทหารกั้นเอาไว้และมีการโต้เถียงกัน

จากนั้นมีทหารที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้าหน่วยเข้ามาคุยอย่างสุภาพว่าเขาเสียใจ ไม่ต้องการให้เป็นแบบนี้ แต่ชัยภูมิต่อสู้และจะขว้างระเบิดใส่ คนของเขาจึงต้องยิง ไม่ได้เป็นการเล็งยิงให้โดนจุดสําคัญ จะให้โดนมือ แต่พลาดไปโดนอวัยวะสําคัญ ในขณะเดียวกัน ทหารได้เข้าตรวจค้นบ้านของชัยภูมิที่บ้านกองผักปิ้ง ฉันทนาซึ่งกลับมาจากด่านแล้ว ได้สอบถามว่ามีการยิงอะไรที่ด่าน ทหารตอบว่า ไม่มีการยิงอะไรเลย ใครเป็นคนบอก ไม่มีการยิง

จากนั้นพ่อเลี้ยงของชัยภูมิได้พาทหารไปที่บ้านของไมตรี เนื่องจากชัยภูมิมักมานอนบ้าน เมื่อไมตรีทราบข่าวว่าทหารจะไปค้นบ้านจึงรีบกลับ แต่เมื่อถึงบ้าน ทหารก็กลับไปแล้ว ส่วนฉันทนาได้กลับมาที่ด่านรินหลวงอีกครั้งราวบ่าย ซึ่งศพไม่อยู่บริเวณนั้นแล้ว อัยการกับตํารวจแจ้งเธอว่า ให้ไปรับศพน้องที่โรงพยาบาลนครพิงค์ราวบ่ายโมง และไม่ต้องเป็นห่วง จะให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย ข้อมูลเบื้องต้นจากแพทย์นิติเวชฯ แจ้งกับญาติในวันที่ 18 มีนาคม ว่า ชัยภูมิถูกยิงเข้าด้านข้างของต้นแขนซ้ายด้วยปืน M16 กระสุนเข้ารูเล็ก ทะลุออกใหญ่ที่ต้นแขนและเข้าที่ลําตัว พบกระสุนแตกอยู่ในตัว และยังไม่ทราบระยะยิงเนื่องจากไม่มีความเชี่ยวชาญกับอาวุธความเร็วสูงแบบ M16

รายงานการชันสูตรศพฉบับเต็มนั้นยังไม่เสร็จ และแพทย์แจ้งว่าจะต้องใช้เวลาอีกเป็นเดือน ในวันที่ 19 มีนาคม ชาวบ้านพาแม่ของชัยภูมิไปแจ้งความที่สถานีตํารวจภูธรนาหวาย ได้รับทราบ จากตํารวจว่า มีบันทึกประจําวันว่า ไมตรี ซึ่งเป็นญาติของชัยภูมิ ได้รับทราบข้อมูลจากทหารแล้ว และได้อนุญาตให้มีการชันสูตรศพเบื้องต้นที่ด่านแล้ว ซึ่งไมตรีบอกว่า ไม่ได้อนุญาต ไม่ได้มีการถามเรื่องนี้ และตนไม่ได้มีโอกาสเห็นศพเลย

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.