ฝรั่งเศสสั่งระดมกำลังทหารกองหนุน ขณะที่พรรคการเมืองขวาจัดเรียกร้อง รมว.มหาดไทยลาออก

นายแบร์นาร์ด กัซเนิฟ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศส สั่งระดมกำลังทหารกองหนุนเพิ่ม 12,000 นายทั่วประเทศ เมื่อวานนี้ (16 ก.ค.) พร้อมเรียกร้องผู้รักชาติอาสาตัวเข้าร่วมในการปกป้องประเทศ หลังเกิดเหตุรุนแรงซึ่งนายโมฮัมเหม็ด ลาฮูไอเยจ์–บูห์ลัล ชายเชื้อสายตูนีเซีย ขับรถบรรทุกพุ่งชนคนที่เมืองนีซ ทางใต้ของฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 84 ราย และบาดเจ็บเพิ่มเป็น 303 ราย ขณะที่นายฟรองซัวส์ โอลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ระบุว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นการก่อการร้าย

ส่วนชาวต่างชาติที่เสียชีวิตที่เมืองนีซ แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวจากแอลจีเรีย 3 ราย ครูและนักเรียนจากเยอรมนี 3 ราย รวมถึงชาวตูนีเซีย 2 ราย ชาวสวิส 2 ราย ชาวอเมริกัน 2 ราย ชาวยูเครน 1 ราย ชาวอาร์เมเนีย 1 ราย และชาวรัสเซีย 1 ราย

ทั้งนี้ กลุ่มติดอาวุธที่เรียกตัวเองว่ารัฐอิสลาม (ไอเอส) อ้างว่าการก่อเหตุที่เมืองนีซเป็นฝีมือของแนวร่วมไอเอส ซึ่งพุ่งเป้าโจมตีผู้เกี่ยวข้องกับการต่อต้านไอเอส และนายกัซเนิฟระบุด้วยว่านายลาฮูไอเยจ์-บูห์ลัล ยอมรับแนวคิดสุดโต่งของกลุ่มผู้ใช้ความรุนแรงได้อย่างรวดเร็ว และเป็นการก่อเหตุรูปแบบใหม่ที่ป้องกันได้ยากขึ้น

ขณะที่รายงานข่าวอ้างอิงคำให้การของนายซามัก ซึ่งไม่ขอเปิดเผยนามสกุล และอ้างตัวเป็นเพื่อนบ้านของผู้ก่อเหตุ ไม่เชื่อว่านายลาฮูไอเยจ์-บูห์ลัลเป็นแนวร่วมของกลุ่มไอเอส โดยระบุว่าเขาไม่ใช่คนเคร่งศาสนา เพราะตนไม่เคยเห็นเขาไปมัสยิด ทั้งยังเคยเห็นเขาสูบบุหรี่ช่วงเดือนถือศีลอดด้วย

ก่อนหน้านี้ นายฟรองซัวส์ โมแลงส์ อัยการฝรั่งเศส เผยว่านายลาฮูไอเยจ์-บูห์ลัล เคยมีประวัติก่อคดีเล็กๆ น้อยๆ แต่ไม่เคยถูกจับตามองในฐานะผู้สนับสนุนการก่อการร้าย และตำรวจควบคุมตัวผู้เกี่ยวข้องกับนายลาฮูไอเยจ์-บูห์ลัลเอาไว้ได้ 5 คน รวมถึงภรรยาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน โดยทั้งหมดกำลังถูกสอบปากคำเพิ่มเติม

ด้านนางมารีน เลอแปน ผู้นำพรรคแนวร่วมแห่งชาติ (FN) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่มีแนวคิดขวาจัดและต่อต้านผู้อพยพ เรียกร้องให้นายกัซเนิฟลาออก พร้อมระบุว่าฝรั่งเศสต้องปกป้องตัวเองเพราะผู้นำอ่อนแอ ทั้งยังเรียกร้องให้เพิ่มงบประมาณเพื่อสนับสนุนด้านการทหารด้วย ขณะที่ปัจจุบันมีทหารประจำการทั่วฝรั่งเศสทั้งหมด 120,000 นาย

ส่วนประธานาธิบดีโอลองด์ เรียกร้องให้ประชาชนฝรั่งเศสอดทน อดกลั้น และดำรงความเป็นเอกภาพเอาไว้แม้ในเวลาที่ประเทศชาติถูกยั่วยุให้แตกแยก

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.