Posted: 25 Jan 2019 03:21 PM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Sat, 2019-01-26 06:21


22 มกราคม 2561 เวลา 18.00 น. กึกก้อง บุปผาวัลย์ (26 ปี) บุตรชายของ ชัชชาญ บุปผาวัลย์ หรือ”ภูชนะ” นักกิจกรรมทางการเมืองวัย 53 ปี ที่ได้พบเป็นศพถูกสังหารโหดโดยการรัดคอ ทุบบริเวณใบหน้าจนเละ คว้านท้องและยัดเสาปูนเข้าไปและนำศพทิ้งน้ำจนลอยมาติดที่ฝั่งแม่น้ำโขง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว

ใครคือภูชนะ?


กึกก้องเล่าว่า ชัชชาญ บุปผาวัลย์ หรือที่เป็นที่รู้จักในนาม ภูชนะ จบปริญญาตรีทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ บางเขน กว่าจะมาเป็นนักเคลื่อนไหวการเมือง เป็นผู้ลี้ภัย เป็นดีเจวิทยุใต้ดิน และได้กลายเป็นศพที่ถูกทิ้งลงในแม่น้ำโขง ชัชชาญเคยทำอาชีพด้านช่างรับเหมา และรับติดตั้งจานดาวเทียมให้กับช่องเสื้อแดง นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นให้เขาเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองในช่วง พ.ศ. 2551 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของขบวนการเสื้อแดง ชัชชาญเคยลงเป็นผู้สมัครเลือกตั้งท้องถิ่น และช่วยรณรงค์หาเสียงให้กับ ส.ส. ในพื้นที่ภาคอีสานหลายครั้ง หลังรัฐประหาร ชัชชาญมีชื่อถูกเรียกตัวเข้าพบ คสช. ชัชชาญตัดสินใจลี้ภัยในประเทศเพื่อนบ้าน

คิดว่าใครฆ่าภูชนะ?


บุตรของผู้เสียชีวิตปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่าใครหรือฝ่ายไหนเป็นผู้ทำการสังหาร แต่ยืนยันว่า ชีวิตส่วนตัว ภูชนะไม่เคยมีเหตุทะเลาะวิวาทหรือมีความขัดแย้งรุนแรงกับใคร

พ่อของผมไม่นิยมความรุนแรง

กึกก้องกล่าวว่าก่อนเข้าร่วมกับขบวนการเสื้อแดง ชัชชาญมีความสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ชอบอ่านหนังสือ แต่ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับการเมืองมากนัก ปกติแล้ว เป็นคนจิตใจอ่อนโยน และไม่นิยมความรุนแรง

"พ่อเลิกกับแม่ผมตั้งแต่ผมยังเล็ก แต่แกก็ไปมาหาสู่ผมกับแม่ตลอด เราไม่ได้โกรธกัน กับแม่ก็ยังถือว่าเป็นเพื่อนกัน จะมาห่างกันหน่อยก็ตอนปี 53 เป็นเพราะว่าแก "แดงเกินไป" แต่เราก็ยังติดต่อพูดคุยทางโทรศัพท์และทางไลน์อยู่เสมอจนแกจากเราไป "

"แกชอบพาผมไปเที่ยวที่อนุสรณ์สถานที่เกี่ยวกับการต่อสู้ของประชาชนต่างๆ "

ถึงแม้จะเห็นข่าวว่า ชัชชาญ มีคดีความที่เกี่ยวพันกับการใช้ความรุนแรง แต่กึกก้องยืนยันว่าไม่เชื่อว่าพ่อจะมีส่วนก่อเหตุการใช้ความรุนแรง


ตั้งแต่เล็ก พ่อผมสอนผมเสมอเรื่อง หิริโอตตัปปะ การละอายต่อบาป แกเป็นคนนิสัยอ่อนโยน ชอบเก็บหมาจรจัดเอามาเลี้ยง ได้ยินมาว่าตอนแกลี้ภัยไปอยู่ที่ลาว แกก็ไปเก็บเอาหมาแถวนั้นมาเลี้ยงที่ที่พักอีก พ่อไม่ใช่คนที่จะไปทำร้ายใคร

เห็นตัวเหี้ยจะกินเต่าตัวเล็กๆ แกก็ยังเข้าไปช่วย

หลังลี้ภัยออกนอกประเทศ ชัชชาญยังคงติดต่อกับครอบครัวอยู่ จนวันที่ 12 ธันวาคม ชัชชาญบอกกับบุตรชายทางไลน์ว่าตนจะไม่อยู่เป็นเวลา 3 วัน แต่หลังจากนั้น 3 วันก็ยังไม่มีการติดต่อมาอีก กึกก้องโทรศัพท์หาบิดาอีกครั้งในวันที่ 23 ธันวาคม 2561 เนื่องจากวันนั้นเป็นวันเกิดของชัชชาญ แต่ไม่มีคนรับสาย กึกก้องจึงเริ่มเกิดความกังวล ต่อมา กึกก้องได้รับข่าวว่านักกิจกรรมทางการเมืองหายตัวไปหลังลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ จนช่วงก่อนปีใหม่ กึกก้องจึงได้รับข่าวว่าพบร่างผู้เสียชีวิต 2 ศพลอยอยู่ที่แม่น้ำโขงบริเวณจังหวัดนครพนม และได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับผิดชอบคดี


ตามหาพ่อ

กึกก้องระบุว่าได้เห็นรูปศพที่อยู่ที่อำเภอธาตุพนม และค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นศพของบิดา ถึงจะค่อนข้างมั่นใจว่าบิดาของตนถูกฆาตกรรม แต่ตนไม่รู้จักใคร ไม่รู้ว่าจะเชื่อใจใครได้บ้าง จึงไม่อยากแสดงตัวต่อสาธารณะเกี่ยวกับคดีนี้

เมื่อได้ข่าว กึกก้อง ซื้อตั๋วเครื่องบินโดยได้เที่ยวบินที่เร็วที่สุดคือเย็นวันที่ 2 ม.ค. 2562 เขานัดหมายกับเจ้าหน้าที่ ตร.สภอ.ธาตุพนม ในวันต่อมา กึกก้องเล่าว่าใช้เวลาสอบปากคำทั้งหมดประมาณ 5 ชั่วโมง จึงได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับ


ตร.ขอยึดโทรศัพท์เพื่อทำการตรวจสอบ

นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ขอ ยึดโทรศัพท์มือถือไว้โดยให้เหตุผลว่าเพื่อตรวจสอบหลักฐาน แต่เขาได้ปรึกษาทนาย รวมถึงความรู้ที่ได้มาจากการศึกษามาสาขาวิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์ เขาจึงปฏิเสธไม่ยินยอมให้ยึดโทรศัพท์ เพราะหากต้องการเพียงจะตรวจสอบประวัติการใช้โทรศัพท์สื่อสาร ก็สามารถตรวจสอบจากผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ได้อยู่แล้ว

นอกจากนั้นเขายังเห็นว่ากระบวนการชันสูตรบางอย่างน่าสงสัย เช่น การขอดีเอ็นเอของมารดาไปตรวจ ทั้งที่ดีเอ็นเอของผู้เป็นบุตรก็น่าจะเพียงพอสำหรับการตรวจสอบตัวตนของบิดาแล้ว กึกก้องกล่าวต่อว่ายังไม่ได้รับเอกสารใด ๆ เกี่ยวกับการสืบสวนคดีของพ่อ ซึ่งค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นคดีฆาตกรรม


ไม่น่ามีศพที่ลอยไปติดฝั่งลาว

นอกจากการไปพบตำรวจแล้ว กึกก้อง พยายามสืบค้นหาหลักฐานต่างๆ ทั้งทางอินเทอร์เน็ต และการวิเคราะห์ถึงเหตุฆาตกรรมที่เกิดขึ้น


ผมดูจากแผนที่ของแม่น้ำโขง วานให้เพื่อนช่วยดูจากสถิติกระแสน้ำของกรมอุทกศาสตร์ ในคุ้งน้ำช่วงนั้นกระแสน้ำในแม่น้ำโขงจะไหลเซาะเข้ามาทางฝั่งไทยจึงไม่น่าจะมีศพลอยไปติดทางฝั่งลาวตามที่เป็นข่าว


อาจเป็นการวิเคราะห์ที่ดูน่าเชื่อถือ แต่กึกก้องก็ยังบอกว่าโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ของ สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ คงจะมีน้อยมากๆ ความหวังเดียวที่พอมีอยู่ก็คือยังไม่มีใครพบศพเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ กึกก้องได้ติดต่อไปหาครอบครัวของกาสะลองด้วย ทายาทของกาสะลองบอกว่าค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นกาสะลองแน่ๆ แต่ไม่อยากให้เป็นเรื่องการเมือง ตอนนี้ได้รับการยืนยันเป็นทางการแล้วว่าใช่ ครอบครัวจึงได้ขอนำศพกลับไปที่จังหวัดเชียงรายเพื่อทำพิธีทางศาสนาต่อไป

ความรู้สึก?

กึกก้องกล่าวว่ารู้สึกไม่ทันได้เตรียมใจกับการจากไปของบิดา และไม่เคยคิดมาก่อนว่าพ่อจะเสียชีวิตก่อนวัยอันควร


"ผมรู้ว่าสักวันเราต้องจากกัน แต่ผมเสียใจที่ผมไม่มีโอกาสได้กล่าวลาพ่อ มันเป็นการจากไปที่ไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดา"



ล่าสุด กึกก้องและมารดาได้ไปที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อให้ปากคำเกี่ยวกับการเสียชีวิตของชัชชาญและรับผลการชันสูตร และผลตรวจสอบดีเอ็นเอของศพก่อนจะนำศพมาทำพิธีฌาปนกิจ

กึกก้อง ยืนยันว่าจะติดตามหาสาเหตุการเสียชีวิตของบิดาของเขาต่อไปจนกว่าคดีจะหมดอายุความ




สมทบทุนช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการจัดงานฌาปนกิจศพและติดตามคดีของ ชัชชาญ บุปผาวัลย์ ได้ที่

นายกึกก้อง บุปผาวัลย์ ธ.กสิกรไทย เลขบัญชี 0073912628


รายงานพิเศษ
การเมือง
สิทธิมนุษยชน
ชัชชาญ บุปผาวัลย์
ภูชนะ
กาสะลอง
สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์
กึกก้อง บุปผาวัลย์
ผู้ลี้ภัย
ฆาตกรรมนักเคลื่อนไหวทางการเมือง
คนเสื้อแดง

[full-post]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.