Posted: 19 Jan 2019 03:10 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Sat, 2019-01-19 18:10
ณรรธราวุธ เมืองสุข
ไม่ได้เหนือความคาดหมาย เมื่อเกิดเหตุสังหารพระสงฆ์ที่สุไหงปาดี เพจ IO ต่างๆ เอาไปขยายความต่อกันอย่างดุเดือดเผ็ดร้อน คนไทยจำนวนไม่น้อยตกสู่หลุมพรางของการสร้างความเกลียดชังทั้งโดยความพร้อมใจและไม่รู้เนื้อรู้ตัวกันจำนวนมาก
การตกหลุมพรางนั้นจะส่งผลอย่างไร? มันก็คือใบอนุญาตให้เกิดการกวาดล้าง จับกุม คุมขัง และฆ่าคนที่คิดเห็นแตกต่างจากตัวเองโดยไม่ยี่หระกับความบาป หรือมนุษยธรรม-จริยธรรมใดๆ ทางศาสนา และเมื่อพูดคำว่า "โจรใต้" มโนทัศน์ของคนไทยข้างนอกมักไม่แยกแยะกับคำว่าอิสลาม ดั่งที่แชร์คำกล่าวหาแบบเหมารวมว่า "มุสลิมทุกคนไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย แต่ผู้ก่อการร้ายทุกคนเป็นมุสลิม" กันอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียล
คำกล่าวนั้นมองเผินๆ เหมือนพูดถูกต้อง เพราะไม่ได้เหมารวมว่ามุสลิมทุกคนเป็นผู้ก่อการร้าย แต่เท่ากับโยนความผิดของเหตุรุนแรงในชายแดนใต้ทั้งหมดให้กับมุสลิม ทั้งที่เราเคยประจักษ์ว่าบางเหตุการณ์ก็มีคนที่ไม่ใช่มุสลิมออกมาก่อเหตุด้วย เช่น เหตุสังหารหมู่ที่มัสยิดอัลฟุรกอนเมื่อหลายปีก่อน และอีกหลายเหตุการณ์ที่ผู้นำศาสนา หรือคนมุสลิมตกเป็นเหยื่อ(และตัวเลขสูงกว่าชาวไทยพุทธเสียอีก) ตกเป็นเหยื่อของการฆ่าล้างโดยไม่อาจระบุปมความขัดแย้งกับฝ่ายขบวนการก่อความไม่สงบได้ เราจะโยนบาปทั้งหมดให้ฝ่ายมุสลิมอย่างนั้นหรือ
จะอิสลาม จะพุทธ จะมลายู แขก ไทย มีดีมีดีมีชั่วปะปนเหมือนกัน ควรประณามที่ผู้ก่อเหตุ ยังไม่รู้ว่าเป็นใครก็ใช้คำที่ไม่ต้องจำเพาะเจาะจงให้รู้สึกแบ่งแยก
ในความคลุมเครือดังที่ว่า เราควรถอยออกมาพิจารณาอย่างใจเป็นธรรมว่า การกล่าวหาอย่างเหมารวมนั้น เป็นส่วนหนึ่งของการราดน้ำมันในกองไฟ การยุยงปลุกปั่นด้วยความจงเกลียดจงชังจากคนนอก มันได้ถ่างห่างความสัมพันธ์ของคนในพื้นที่เสมอมา
หลายปีก่อนที่ผมลงไปเป็นประจักษ์พยานความโหดเหี้ยมของการฆ่าคนไทยพุทธในชุมชนแห่งหนึ่งที่ยะหริ่ง จากที่เคยอยู่รอดปลอดภัยเสมอมาเพราะคนในชุมชนช่วยกันดูแลเป็นหูเป็นตา แต่เมื่อกระแสลมแห่งความเกลียดชังมาถึง ชั่วเวลาเพียงหนึ่งอาทิตย์หลังกองกำลังฝ่ายความมั่นคงบุกค้นบ้านของคนในชุมชนหลังหนึ่ง ถัดจากนั้นคนมุสลิมในชุมชนแห่งนั้นโดนยิงตายข้างถนนใกล้หมู่บ้าน และต่อมาก็เกิดเหตุฆ่าล้างครัวชาวไทยพุทธขึ้น เราจะอธิบายภาพรวมทั้งหมดของเหตุการณ์ทั้งหมดว่าอย่างไร
ถามว่าความรุนแรงทั้งหมดนั้นใครได้ประโยชน์ การโหมประโคมข่าวความรุนแรง ก่นด่าให้แตกแยกนั้นได้อะไรขึ้นมา
กระแสสังคม มันเท่ากับเซ็นใบอนุญาตให้ฆ่า ให้กวาดล้างคนเห็นต่างโดยไม่ได้ไปดูด้วยตาตัวเองว่ามีคนบริสุทธิ์กี่คนที่ต้องได้รับผลที่ตัวเองไม่ได้ก่อ รู้ทั้งรู้ว่าเมื่อเรียกร้องให้กวาดล้างโจร คนบริสุทธิ์มากมายตกอยู่ในความเสี่ยง เราควรเรียกร้องให้ฆ่าต่อไป หรือขอร้องให้ทุกฝ่ายหยุดการกระทำ
นั่งอยู่หลังแป้นคอมพ์ ตัดสินใจอยู่หน้าจอโทรศัพท์มือถืออย่างเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐ ไม่ควรเป็นผู้สนับสนุนอาชญากร หรือผู้หว่านแหความเกลียดชัง
อยากให้เกิดสันติสุข อยากได้สันติภาพ ต้องอดทนกว่านี้ ต้องมีสติสัมปชัญญะกว่านี้ สังคมไทยต้องปรับเปลี่ยนท่าทีกันทุกองคาพยพ ไม่ใช่แค่ภาระของคนในพื้นที่เท่านั้น คนข้างนอกก็ต้องช่วยกัน
อย่าราดน้ำมันลงกองไฟซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างที่เคยเป็นมา.
แสดงความคิดเห็น