Posted: 19 Jan 2019 10:42 PM PST  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Sun, 2019-01-20 13:42


Patani NOTES

ไม่ผิดไปจากที่หลายคนแสดงความหวั่นวิตกเอาไว้ ข่าวการสังหารพระในวัดรัตนานุภาพสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว โดยมีนัยและแรงกระเพื่อมต่างๆกันไปสำหรับคนแต่ละกลุ่ม นำมาซึ่งบทสนทนาที่หลากหลาย มีทั้งที่เต็มไปด้วยอารมณ์และมีทั้งที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะใช้สติ

จากวันเกิดเหตุ 18 ม.ค. จนถึงวันนี้ยังมีการเผยแพร่แถลงการณ์ต่างๆที่ประนามการก่อเหตุอย่างไม่ขาดสาย เริ่มด้วยกลุ่มคณะบุคคลและองค์กร 29 แห่งออกแถลงการณ์กลางดึกวันที่ 18 ม.ค. ประนามการกระทำดังกล่าว แถลงการณ์ที่เผยแพร่โดยมูลนิธิผสานวัฒนธรรมมีท่วงทำนองแสดงความเป็นห่วงสถานการณ์ที่จะบานปลายกลายเป็นเรื่องของศาสนา ในเวลาถัดมา ผู้ใช้โซเชียลมีเดีย มีหลายคนแสดงความตระหนก เสียใจและไม่เข้าใจในเจตนาของการลงมือ แต่มีหลายคนชี้ให้เห็นว่าความสูญเสียไม่ได้มีแต่ของกลุ่มคนพุทธเท่านั้น แต่มุสลิมก็สูญเสียอย่างหนัก โต๊ะอิหม่ามถูกสังหารในช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมาถึงสามคน บาดเจ็บยังรักษาตัวอยู่อีก 1 ความพยายามลอบสังหารโต๊ะอิหม่ามเกิดขึ้นถี่ในเดือนม.ค.นี้ การนำเสนอแง่มุมของข่าวเพิ่มประเด็นความสูญเสียของสองฝ่าย และเริ่มทำให้ทิศทางของการถกเถียงพุ่งเป้าไปที่เรื่องความเป็นไปได้ของการตอบโต้มากขึ้น

กลุ่มฮิวแมนไรท์วอช ออกแถลงการณ์ในวันรุ่งขึ้นคือ 19 ม.ค. ระบุว่าบีอาร์เอ็นก่ออาชญากรรมสงคราม เป็นแถลงการณ์ที่ถูกโต้จากผู้อ่านหลายคนว่าฟันธงเร็วเกินไปในขณะที่การสืบสวนสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ แต่แถลงการณ์ของฮิวแมนไรซ์วอชเองก็ระบุว่า บรรยากาศของการตอบโต้กันนี้มีเงื่อนไขสำคัญที่หล่อเลี้ยงเอาไว้คือการที่รัฐปล่อยให้คนกระทำผิดลอยนวลไม่ได้รับการลงโทษ พร้อมกับชี้ว่าการกระทำต่อพลเรือน สถานที่ด้านความเชื่อและบุคคลากรด้านนี้ล้วนแล้วแต่ถือได้ว่ากระทำผิดตามกฎแห่งการทำสงครามและกฎหมายว่าด้วยสิทธิมนุษยชน

สำนักจุฬาราชมนตรีออกแถลงการณ์ถัดมาประนามการสังหารทั้งพระ อิหม่าม และพลเรือน แถลงการณ์กล่าวว่า อิหม่ามเป็นผู้สร้างบรรยากาศแห่งมิตรภาพและสันติภาพ ส่วนภิกษุสงฆ์คือผู้ประสงค์จะตัดจากกิเลสและตัณหาไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ใคร การทำร้ายบุคคลทั้งสองกลุ่มแสดงว่าต้องการจุดชนวนแห่งความแตกแยก สะท้อน “ความมืดบอดทางปัญญา” ของผู้ลงมือ และบ่งชี้ว่าพวกเขา “ถูกครอบงำด้วยความคลั่งไคล้บางประการ” จึงลงมือสังหารบุคคลที่เป็นกุญแจแห่งสันติภาพของทั้งสองศาสนาได้ ขณะที่เรียกร้องให้ทุกฝ่ายช่วยให้ประชาชนในพื้นที่ตระหนักถึงการรักษาความสัมพันธ์อันดีต่อกัน แต่ก็ยังมีผู้ตอบโต้จุฬาราชมนตรีอีกว่า ไม่แสดงออกในยามที่อิหม่ามถูกสังหารแต่กลับออกแถลงการณ์ในยามที่พระถูกฆ่า

สภาศาสนสัมพันธ์แห่งประเทศไทยออกแถลงการณ์ประนามและเรียกร้องให้ยุติการใช้ความรุนแรงต่อผู้นำศาสนา แถลงการณ์ของสภาก็เช่นเดียวกันกับของสำนักจุฬาราชมนตรีที่ประนามการกระทำต่อผู้นำศาสนาทั้งสองฝ่าย พร้อมทั้งเรียกร้องให้ร่วมกันดูแลความปลอดภัย สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษาของมหาวิทยาลัยมหิดลออกแถลงการณ์ประนามการกระทำรุนแรงต่อทั้งโต๊ะอิหม่ามและสงฆ์เช่นกัน รวมไปถึงการยึดโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกาหนั๊วะ อำเภอระแงะ นราธิวาส ยิงชุดคุ้มครองและจับบุคคลกรเป็นตัวประกันเมื่อปลายเดือนธ.ค. การปะทะกันที่โรงเรียนบ้านตือกอ จะแนะที่ส่งผลต่อครูและนักเรียนที่ต้องพยายามเอาชีวิตรอด และเรียกร้องให้รัฐนำตัวผู้ลงมือมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตลอดจนให้คู่ขัดแย้งปฏิบัติตามหลักการสิทธิมนุษยชนละเว้นชีวิตผู้ไม่เกี่ยวข้อง

ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่ความมั่นคง แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ได้เดินทางไปที่วัดพร้อมร่วมนอนค้างคืนที่วัดเพื่อฟื้นฟูขวัญและกำลังใจในขณะที่โฆษกกองทัพภาคที่ 4 พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์เตือนทุกฝ่ายไม่ให้ตกหลุมพรางด้วยการใช้ความรุนแรงตอบโต้และยืนยันว่าเจ้าหน้าที่จะไม่ใช้มาตรการนอกกฎหมาย ทางการขอให้พระหยุดบิณฑบาตรและอยู่แต่ในวัด

ตลอดเวลานี้มีกลุ่มนักกิจกรรมเพื่อสังคมอีกกลุ่มหนึ่งพยายามเดินหน้าเรียกร้องความปลอดภัยให้กับพลเรือน พวกเขาออกชุดโปสเตอร์ที่ประกอบไปด้วยใบหน้าเหยื่อความรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้งเด็ก อิหม่ามและพระพร้อมติดแฮชแทค #NotATarget

- พวกเขาไม่ใช่เป้าหมาย ซึ่งมีผู้ร่วมเผยแพร่ระดับหนึ่ง ส่วนคนทำงานในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้อีกส่วนออกมาเรียกร้องในสเตตัสส่วนตัวอีกให้ยุติความรุนแรงแต่ผู้หญิง เด็ก พลเรือน พร้อมย้ำเรื่องการทำผิดหลักสิทธิมนุษยชน

นอกเหนือจากกลุ่มคนพุทธที่แสดงความโกรธเคืองอย่างหนักแล้ว ในส่วนของมุสลิมด้วยกันเองก็มีการโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อนระหว่างกลุ่มชีอะห์และกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าวาฮาบี มีการกล่าวหากันอย่างเปิดเผยว่ากลุ่มวาฮาบีอยู่เบื้องหลังการใช้ความรุนแรงผ่านการ “สนทนา” ในเฟซบุ้ก จนกระทั่งต้องมีผู้ออกมาเตือนสติว่า บุคคลระดับผู้นำทางจิตวัญญาณต้องไม่สร้างความแตกแยกและเหมารวมทำให้กลุ่มวาฮาบีกลายเป็นผู้ร้ายอย่างไม่มีข้อเท็จจริงสนับสนุน

ยังมีผู้ใช้โซเชียลมีเดียอีกส่วนหนึ่งที่ตั้งคำถามกับการลงมือหนนี้ว่าอาจไม่ใช่การก่อเหตุของกลุ่มขบวนการแต่เป็นการยั่วยุของ “มือที่สาม” ก็เป็นไปได้ ยังมีทั้งพุทธและมุสลิมอีกหลายส่วนที่ขึ้นสเตตัสเตือนสติชุมชนโซเชียลมีเดียด้วยกันให้แสดงออกอย่างมีเหตุผลและไม่เหมารวมไม่ว่ากรณีใด ยังมีการแชร์ข้อความที่เตือนกันไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ที่มีการสังหารครูวัยเกษียณ และแขวนคอว่าเป็นการตอบโต้การจับกุมครูตาดีกาผู้หญิง และโดยเฉพาะเมื่อมีการสังหารโต๊ะอิหม่ามก็มีเสียงเตือนว่าอาจจะมีการแก้มือเอาคืนโดยลงมือกับผู้นำในศาสนาพุทธ

#ความรุนแรงในสามจังหวัดภาคใต้
#สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
#ฆ่าพระ #สังหารโต๊ะอิหม่าม
#สิทธิมนุษยชน
#NotATarget


เผยแพร่ครั้งแรกใน: Facebook Patani NOTES

[full-post]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.