ภาพ: น.ส. นริศราวัลถ์ ขณะถูกควบคุมตัวที่ สน. มักกกะสัน วันนี้
จับหลานสาวพลทหารเสียชีวิตในค่ายทหาร เบื้องต้นคาดแจ้งข้อหาหมิ่นเจ้าพนักงานและ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์

เช้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลมักกะสัน เข้าจับกุม น.ส. นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ หลานสาวพลทหารวิเชียร เผือกสม ซึ่งเสียชีวิตระหว่างฝึกซ้อมทหารใหม่ในค่ายทหาร ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส เบื้องต้นผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งหมายจับกุมด้วยฐานความผิดหมิ่นประมาทเจ้าหน้าที่ทหาร และความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ จากกรณีการโพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับการซ้อมทรมาน พลทหารวิเชียร ลงในโซเชียลมีเดีย โดยโพสต์ในช่วงเดือน ก.พ. 2559

สำนักข่าวประชาไทรายงานว่า น.ส. นริศราวัลถ์ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่าการเข้าควบคุมตัวครั้งนี้เป็นการเข้าจับกุมตามหมายจับ โดยที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีหมายเรียกให้เธอไปรายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหาก่อนแต่อย่างใด โดยขณะนี้เธอถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สน.มักกะสัน และกำลังจะถูกส่งตัวไปยัง สภ.นราธิวาส เพื่อสอบปากคำต่อไป โดยเธอยืนยันปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และพร้อมจะสู้คดีในชั้นศาล

พลทหารวิเชียร เผือกสม เสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2554 โดยแพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากไตวายเฉียบพลันจากกล้ามเนื้อได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง ตามสำนวนที่ครอบครัวของพลทหารวิเชียรฟ้องแพ่งต่อกระทรวงกลาโหม เป็นจำเลยที่ 1 กองทัพบกเป็นจำเลย ที่ 2 และสำนักงานยกรัฐมนตรี (ต้นสังกัดกอ.รมน.) เป็นจำเลยที่ 3 ระบุว่า เจ้าหน้าที่ในสังกัดของกองทัพบกได้ทำร้ายร่างกายพลทหารวิเชียรในระหว่างการฝึกทหารใหม่อย่างทารุณโหดร้ายจนเป็นเหตุให้ผลทหารวิเชียรถึงแก่ความตาย ซึ่งจำเลยประสงค์ไกล่เกลี่ย และศาลแพ่งพิพากษาให้กองทัพบกจ่ายค่าสินไหมทดแทนเมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2557 ตามที่ได้ไกล่เกลี่ยประนีประนอมกันเป็นจำนวนเงิน 6.5 ล้านบาท

สำหรับคดีอาญานั้น มารดาของพลทหารวิเชียรได้แจ้งแจ้งความดำเนินคดีกับครูฝึกทหารใหม่และทหารที่ร่วมกันทำร้ายร่างกายพลทหารวิเชียรจนถึงแก่ความตายต่อพนักงานสอบสวนในท้องที่เกิดเหตุแล้ว และเนื่องจากผู้กระทำความผิดเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารทั้งหมด ดังนั้นคดีจึงอยู่ในเขตอำนาจศาลทหาร ซึ่งผู้เสียหายไม่สามารถฟ้องคดีอาญาต่อศาลได้เอง ตามพรบ. พระธรรมนูญ ศาลทหาร 2498 มาตรา 49 ให้พนักงานอัยการทหารเท่านั้นมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลทหาร ปัจจุบัน คดีอยู่ในระหว่างการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตในภาครัฐ (ปปท.)



แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.