ผู้นำออสเตรเลียสั่งสอบสวนเจ้าหน้าที่ทรมานเยาวชนในสถานพินิจ
นายมัลคอล์ม เทิร์นบูล นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ออกคำสั่งให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีเยาวชนในสถานพินิจแห่งหนึ่งของออสเตรเลียถูกเจ้าหน้าที่ทรมานด้วยวิธีการต่างๆ ช่วงหลายปีที่ผ่านมา และเหตุการณ์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านรายการ Four Corners ทางสถานีโทรทัศน์เอบีซีของออสเตรเลีย โดยนายเทิร์นบูลระบุว่าตนทั้งช็อกและตกใจที่เห็นภาพเยาวชนได้รับการปฏิบัติอย่างไม่ถูกต้องในสถานพินิจของรัฐ
สื่อของออสเตรเลียรายงานว่าสถานพินิจที่เกิดเหตุทรมานเยาวชนผู้กระทำความผิด คือ สถานพินิจดอน เดล ในดินแดนนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี โดยรายการดังกล่าวได้เผยแพร่ภาพ และรายงานว่าเยาวชนเพศชายรายหนึ่งถูกทำร้ายร่างกาย ถูกจับเปลื้องผ้าและนำตัวไปขังเดี่ยว รวมถึงถูกจับมัดกับเก้าอี้โดยมีผ้าคลุมปิดศีรษะเอาไว้นานกว่า 2 ชม. ช่วงปี 2553-2555 ซึ่งขณะนั้นเยาวชนดังกล่าวมีอายุราว 13-14 ปี และในปี 2557 เขายังเป็นหนึ่งในเยาวชน 6 คนซึ่งถูกรมด้วยแก๊สน้ำตาด้วย
นายอดัม ไจล์ส มุขมนตรีดินแดนนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี เผยว่าเขารู้สึกช็อกและขยะแขยงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงมีคำสั่งให้แต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อกรณีดังกล่าวอย่างเป็นทางการ และย้ำว่าการปฏิบัติต่อเยาวชนเป็นสิ่งที่ตัดสินว่าสังคมแต่ละแห่งเป็นอย่างไร โดยนายไจล์สระบุว่าเขาเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่สถานพินิจ ซึ่งถือเป็นงานยากลำบาก แต่ขณะเดียวกันก็ต้องดำเนินการตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง
ที่ผ่านมา สถานพินิจและดูแลเยาวชนผู้กระทำความผิดในดินแดนนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี ขึ้นชื่อเรื่องการปฏิบัติต่อเยาวชนอย่างไม่เหมาะสม ทำให้เยาวชนพยายามหลบหนีอยู่เป็นประจำ และนายจอห์น ลอว์เรนซ์ ทนายความที่ให้ข้อมูลในรายการ Four Corners ของสถานีโทรทัศน์เอบีซี ระบุว่าการปฏิบัติต่อเยาวชนในสถานพินิจออสเตรเลียหลายแห่งไม่ต่างจากการปฏิบัติต่อนักโทษในเรือนจำอ่าวกวนตานาโมของสหรัฐฯ ซึ่งเคยมีข่าวอื้อฉาวเรื่องการทรมานและละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรง
ด้านนายจิลเลียน ทริกส์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งออสเตรเลีย กล่าวชมเชยนายกรัฐมนตรีเทิร์นบูลที่ออกคำสั่งอย่างรวดเร็วให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการทรมานและปฏิบัติที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนในสถานพินิจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ เพราะหากผู้ปกครองคนใดปฏิบัติแบบเดียวกับเจ้าหน้าที่ในสถานพินิจ คงจะถูกตั้งข้อหาคดีอาญา และถูกพรากลูกไปจากครอบครัวทันที

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.