นักวิชาการชี้ ภาพชาวมานิซาไกนั่งพื้น สะท้อนสังคมไทยไม่เข้าใจวิถีชนกลุ่มน้อย
หลังจากมีการเผยแพร่ภาพกลุ่มชาติพันธุ์มานิ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ซาไก”ถูกจัดให้นั่งบนพื้นของห้างสรรพสินค้า ในงานประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวจังหวัดสตูล ภาพดังกล่าวกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์ถึงความไม่เหมาะสม โดยนางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ระบุว่า กิจกรรมในลักษณะนี้เหมือนเป็นการเปิด “สวนสัตว์มนุษย์” ทำให้กลุ่มชาติพันธุ์กลายเป็นคนแปลกประหลาด และถือเป็นการไม่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างร้ายแรง
หลังจากมีการเผยแพร่ภาพกลุ่มชาติพันธุ์มานิ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ซาไก”ถูกจัดให้นั่งบนพื้นของห้างสรรพสินค้า ในงานประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวจังหวัดสตูล ภาพดังกล่าวกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์ถึงความไม่เหมาะสม โดยนางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ระบุว่า กิจกรรมในลักษณะนี้เหมือนเป็นการเปิด “สวนสัตว์มนุษย์” ทำให้กลุ่มชาติพันธุ์กลายเป็นคนแปลกประหลาด และถือเป็นการไม่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างร้ายแรง
ด้านนายชุมพล โพธิสาร นักวิจัยอิสระที่ทำงานขับเคลื่อนด้านการพัฒนาของกลุ่มชาติพันธุ์มานิ เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่เพียงสะท้อนความไม่เข้าใจของคนในสังคมต่อวัฒนธรรมของชนกลุ่มน้อย แต่ยังสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จากการที่ชาวมานิต้องปรับตัวมารับงาน “โชว์ของแปลก” แลกกับความช่วยเหลือจากนักท่องเที่ยว โดยระบุว่าปัจจุบันมีหน่วยงานรัฐและองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนเข้ามาดูแลคนกลุ่มนี้น้อยมาก
นายชุมพลระบุว่า กลุ่มชาวมานิที่กำลังเป็นข่าวอาศัยอยู่ที่อำเภอมะนัง ซึ่งเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติของจังหวัดสตูล และเป็นกลุ่มที่ยังคงใช้ชีวิตอยู่กับป่า แต่ด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่ลดลง และการบุกรุกพื้นที่ป่า ทำให้พวกเขามีความลำบากในการหาอาหารและสร้างที่พักอาศัย บางส่วนจึงหันมาพึ่งธุรกิจท่องเที่ยว เช่น การพายเรือแคนูให้นักท่องเที่ยว และจัดแสดงวิถีชีวิตของพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งในเส้นทางชมธรรมชาติ
นายชุมพลกล่าวว่า ปัญหาของชาวมานินั้นแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ เพราะบางกลุ่มมีการพัฒนาใกล้ชิดกับสังคมชาวบ้านมากขึ้น แต่สำหรับกลุ่มที่ยังรักษาวิถีดั้งเดิมก็ยังขาดสิทธิขั้นพื้นฐาน เป็นบุคคลไร้รัฐ และขาดสิทธิการครอบครองที่ดินอยู่ อย่างไรก็ตาม ทางออกในการพัฒนาอย่างยั่งยืนควรทำอย่างเป็นระบบ โดยให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่ ชนกลุ่มน้อย และคนในชุมชน เพื่อหาความต้องการร่วมกัน ก่อนที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของนโยบายในระดับชาติ
นายชุมพลระบุว่า กลุ่มชาวมานิที่กำลังเป็นข่าวอาศัยอยู่ที่อำเภอมะนัง ซึ่งเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติของจังหวัดสตูล และเป็นกลุ่มที่ยังคงใช้ชีวิตอยู่กับป่า แต่ด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่ลดลง และการบุกรุกพื้นที่ป่า ทำให้พวกเขามีความลำบากในการหาอาหารและสร้างที่พักอาศัย บางส่วนจึงหันมาพึ่งธุรกิจท่องเที่ยว เช่น การพายเรือแคนูให้นักท่องเที่ยว และจัดแสดงวิถีชีวิตของพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งในเส้นทางชมธรรมชาติ
นายชุมพลกล่าวว่า ปัญหาของชาวมานินั้นแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ เพราะบางกลุ่มมีการพัฒนาใกล้ชิดกับสังคมชาวบ้านมากขึ้น แต่สำหรับกลุ่มที่ยังรักษาวิถีดั้งเดิมก็ยังขาดสิทธิขั้นพื้นฐาน เป็นบุคคลไร้รัฐ และขาดสิทธิการครอบครองที่ดินอยู่ อย่างไรก็ตาม ทางออกในการพัฒนาอย่างยั่งยืนควรทำอย่างเป็นระบบ โดยให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่ ชนกลุ่มน้อย และคนในชุมชน เพื่อหาความต้องการร่วมกัน ก่อนที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของนโยบายในระดับชาติ
แสดงความคิดเห็น