Posted: 22 Jun 2017 02:01 PM PDT  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)

ที่ซาอุดิอาระเบียมีการแต่งตั้งเจ้าชายซัลมานวัย 31 พรรษา ขึ้นดำรงตำแหน่งมกุฏราชกุมารแทนที่เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ รวมถึงมีการแต่งตั้งเจ้าชายองค์อื่นๆ ดำรงตำแหน่งอีกหลายตำแหน่ง รวมถึงมีการแก้ไขกฎหมายให้พระราชโอรสรุ่นถัดๆ ไปต้องทรงสวามิภักดิ์ต่อข้อหลักการของคัมภีร์อัลกุรอาน


โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฏราชกุมารพระองค์ใหม่แห่งซาอุดิอาระเบียวัย 31 พรรษา (ที่มา: Wikipedia)

22 มิ.ย. 2560 สื่ออัลอาราบิยารายงานว่าสภาสวามิภักดิ์แห่งซาอุดิอาระเบียมีมติด้วยคะแนน 31 ต่อ 34 ให้โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน วัย 31 พรรษา เป็นมกุฎราชกุมารพระองค์ใหม่แห่งซาอุฯ โดยที่พระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลอาซิซ วัย 85 พรรษา ซึ่งเพิ่งครองราชย์เป็นสมเด็จพระราชาธิบดีเมื่อเดือนมกราคม 2558 ก็ทรงเรียกร้องให้ประชาชนถวายความจงรักภักดีต่อรัชทายาทพระองค์ใหม่ด้วย

ทั้งนี้นับเป็นการแต่งตั้งใหม่ที่สร้างความประหลาดใจ เพราะอดีตมกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ ในวัย 57 พรรษา เป็นผู้ที่สนับสนุนสหรัฐอเมริกา รวมทั้งเป็นผู้นำปฏิบัติการตอบโต้กลุ่มอัลเคด้าและไอซิส นอกจากนี้ในปี 2552 เขาเกือบถูกลอบสังหารโดยกลุ่มอัลเคด้าอีกด้วย

โดยการแต่งตั้งในครั้งนี้เป็นการแต่งตั้งเจ้าฟ้าชายซัลมานขึ้นดำรงตำแหน่งมกุฏราชกุมารแทนที่เจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ ซึ่งเจ้าฟ้าชายซัลมานทรงดำรงตำแหน่งตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอยู่ก่อนแล้วและได้รับแต่งตั้งเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่งด้วย'

สำหรับเจ้าชายซัลมานนั้น เมื่อได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีกลาโหมในเดือนมกราคม 2558 แล้วหลังจากนั้นอีก 2 เดือน ซาอุดีอาระเบียก็บุกเยเมนเพื่อช่วยรัฐบาลของประธานาธิบดีอับดรับบูห์ มันซูร์ ยึดกรุงซานาคืนจากกบฎแต่ยังไม่สำเร็จ

นอกจากนี้พระองค์ยังเคยแสดงวิสัยทัศน์ "Vision 2030" ในฐานะประธานสภาเศรษฐกิจและการพัฒนา โดยมุ่งปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อให้ซาอุดีอาระเบียลดการพึ่งพิงรายได้จากน้ำมันภายในปี ค.ศ. 2020 หรือ พ.ศ. 2563

นอกจากนี้พระราชาธิบดีอับดุลอาซิซ ยังทรงมีพระราชกฤษฎีกาแต่งตั้งให้เจ้าฟ้าชายอับดุลอาซิล บิน ซาอุด บิน นาเยฟ ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงกิจการภายใน และอาห์เหม็ด บิน โมฮัมหมัด อัลซาเล็ม เป็นรักษาการรัฐมนตนตรีกิจการภายใน และให้นาสเซอร์ อัลดาวุด ออกจากตำแหน่งกลายเป็นรองเลขาธิการกระทรวงกิจการภายใน

สื่ออัลอาราบิยายังระบุถึงการแต่งตั้งเจ้าฟ้าชายพระองค์อื่นๆ ในซาอุขึ้นดำรงตำแหน่งต่างๆ อีกหลายตำแหน่งทั้งตำแหน่งที่ปรึกษาราชสำนักและตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำประเทศอิตาลีกับประเทศเยอรมนี ตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการเกี่ยวกับการกีฬา ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด และตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายข่าวกรองทั่วไป โดยส่วนมากเป็นการแต่งตั้งเข้าสู่ตำแหน่งที่ปรึกษาราชสำนัก

ทั้งนี้ พระราชาธิบดีอับดุลอาซิซทรงมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการแก้ไขกฎหมายพื้นฐานรัฐบาลบทที่ 2 มาตรา 5 ให้มีสืบทอดกฎหมายนี้จากพระราชาธิบดีไปสู่พระราชโอรสและทายาทรุ่นถัดไปเรื่อยๆ รวมถึงต้องมีการให้พระราชโอรสต้องทรงสวามิภักดิ์ต่อข้อหลักการของพระคัมภีร์อัลกุรอานและประเพณีของพระศาสดา

เรียบเรียงจาก

Saudi Arabia’s Mohammed bin Salman appointed Crown Prince, Al Arabiya, 21-06-2017

Profile: Former Saudi crown prince Mohammed bin Nayef, Al Jazeera

Mohammed bin Salman: the prince trying to wean Saudi Arabia off oil, The Guardian, 13 May 2016

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.