ศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก บ.ก.ลายจุด 2 เดือน รอลงอาญา ฐานไม่ไปรายงานตัวตามคำสั่ง คสช.
เช้านี้ ศาลแขวงดุสิต อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ไม่ไปรายงานตัวตามคำสั่ง คณะรักษาความสงบแหงชาติ (คสช.) โดยศาลอุทธรณ์ตัดสินกลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ชี้ว่านายสมบัติมีความผิดฐานไม่ไปรายงานตัวตามคำสั่ง คสช. โดยลงโทษปรับ 3000 บาท และจำคุก 2 เดือน โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี
คดีนี้ นายสมบัติถูกอัยการฟ้องว่าขัดคำสั่งของ คสช. ที่เรียกให้ไปรายงานตัวตามประกาศ คสช. ที่ 41/2557 ลงวันที่ 23 พ.ค. 57 ต่อมา คสช. มีคำสั่งฉบับที่ 25 และ ฉบับที่ 29/2557 กำหนดโทษจำคุก 2 ปี หรือ ปรับ 4 หมื่นบาท สำหรับผู้ฝ่าฝืนคำสั่ง นายสมบัติในฐานะจำเลยจึงโต้แย้งว่าการกำหนดโทษดังกล่าวเป็นการเพิ่มโทษในภายหลัง ไม่สามารถใช้ย้อนหลังสำหรับความผิดก่อนหน้าได้
เช้านี้ ศาลแขวงดุสิต อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ไม่ไปรายงานตัวตามคำสั่ง คณะรักษาความสงบแหงชาติ (คสช.) โดยศาลอุทธรณ์ตัดสินกลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ชี้ว่านายสมบัติมีความผิดฐานไม่ไปรายงานตัวตามคำสั่ง คสช. โดยลงโทษปรับ 3000 บาท และจำคุก 2 เดือน โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี
คดีนี้ นายสมบัติถูกอัยการฟ้องว่าขัดคำสั่งของ คสช. ที่เรียกให้ไปรายงานตัวตามประกาศ คสช. ที่ 41/2557 ลงวันที่ 23 พ.ค. 57 ต่อมา คสช. มีคำสั่งฉบับที่ 25 และ ฉบับที่ 29/2557 กำหนดโทษจำคุก 2 ปี หรือ ปรับ 4 หมื่นบาท สำหรับผู้ฝ่าฝืนคำสั่ง นายสมบัติในฐานะจำเลยจึงโต้แย้งว่าการกำหนดโทษดังกล่าวเป็นการเพิ่มโทษในภายหลัง ไม่สามารถใช้ย้อนหลังสำหรับความผิดก่อนหน้าได้
ศาลชั้นต้นสั่งปรับนายสมบัติ เป็นเงิน 500 บาท โดยชี้ว่าการฝ่าฝืนประกาศคำสั่งของ คสช. ที่ให้มารายงานตัวและมีประกาศกำหนดโทษทางอาญาให้จำคุกนั้น ไม่สามารถใช้บังคับกับจำเลยนี้ได้ เพราะเป็นการออกประกาศให้มีโทษทางอาญาซึ่งมีผลย้อนหลังและเป็นการเฉพาะบุคคลต้องห้ามตามประมวลกฎหมายอาญา ดังนั้น จึงไม่สามารถเอาผิดจำเลยตามประกาศคำสั่ง คสช.ได้ แต่จำเลยมีความผิดฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานทั่วไป เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 368 มีโทษปรับ 500 บาท
อย่างไรก็ตาม ศาลอุทธรณ์ชี้ว่าคำสั่งที่เพิ่มโทษในภายหลังนั้นมีผลบังคับใช้ได้ และไม่ใช่การบังคับใช้กฎหมายย้อนหลัง จึงลงโทษนายสมบัติโดยสั่งจำคุก 2 เดือน และรอลงอาญาไว้ 1 ปี และปรับ 3,000 บาท
น.ส. ภาวิณี ชุมศรี ทนายความของนายสมบัติเผยว่า จำเลยจะสู้คดีโดยยื่นฎีกาเพื่อสู้ในประเด็นเรื่องการบังคับใช้กฎหมายย้อนหลังต่อไป
อย่างไรก็ตาม ศาลอุทธรณ์ชี้ว่าคำสั่งที่เพิ่มโทษในภายหลังนั้นมีผลบังคับใช้ได้ และไม่ใช่การบังคับใช้กฎหมายย้อนหลัง จึงลงโทษนายสมบัติโดยสั่งจำคุก 2 เดือน และรอลงอาญาไว้ 1 ปี และปรับ 3,000 บาท
น.ส. ภาวิณี ชุมศรี ทนายความของนายสมบัติเผยว่า จำเลยจะสู้คดีโดยยื่นฎีกาเพื่อสู้ในประเด็นเรื่องการบังคับใช้กฎหมายย้อนหลังต่อไป
แสดงความคิดเห็น