หญิงอังกฤษวัย 60 ชนะคดีนำไข่แช่แข็งของบุตรสาวไปทำกิฟได้
ศาลอุทธรณ์ของอังกฤษตัดสินให้หญิงวัย 60 ชนะคดี โดยให้สามารถนำไข่ที่บุตรสาวฝากแช่แข็งไว้ก่อนเสียชีวิตไปทำ IVF หรือเด็กหลอดแก้วที่ประเทศสหรัฐฯได้ โดยเธอเองจะเป็นผู้อุ้มครรภ์ ทั้งนี้ เมื่อปีที่แล้ว เธอได้ต่อสู้ทางศาลกับ Human Fertilisation and Embryology Authority (HFEA) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลการทดลองผสมเทียมมาครั้งหนึ่งแล้วที่ศาลสูง ั้ั้แต่ศาลตัดสินให้ HFEA เป็นฝ่ายชนะคดี โดย HFEA แย้งต่อศาลว่า บุตรสาวของหญิงผู้นี้ ไม่ได้แสดงเจตจำนงเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในลำไส้ด้วยวัย 28 ปี ดังนั้น จึงไม่สามารถอนุญาตให้นำไข่ของบุตรสาวไปใช้ได้ หลังจากนั้นเธอได้รับอนุญาตให้ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าวได้อีกครั้งกับศาลอุทธรณ์ที่มีผู้พิพากษาสามคนร่วมพิจารณา
ในการพิจารณาที่ศาลอุทธรณ์ ทนายว่าความของหญิงผู้นี้ชี้ว่า ถึงแม้ว่าจะขาดหลักฐานเอกสารแสดงการยินยอม แต่หลักฐานอื่น ๆ ระบุอย่างชัดเจนว่า บุตรสาวมีเจตนาต้องการให้มารดาเป็นผู้อุ้มครรภ์บุตรของเธอเพื่อชุบเลี้ยงหลังจากที่เธอเสียชีวิตลงแล้ว ซึ่งหากศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาต ก็เท่ากับว่าไข่ของบุตรสาวจะต้องถูกปล่อยให้เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา
หลังพิจารณาคดี HFEA บอกว่า แม้ทางหน่วยงานจะรู้สึกเห็นใจพ่อแม่ของบุตรสาวที่เสียชีวิตลง แต่ต้องดำเนินการตามตัวบทกฎหมาย ซึ่งหลังตรวจสอบแล้ว HFEA เห็นว่า มีหลักฐานไม่เพียงพอที่ยืนยันแสดงความยินยอมของเจ้าของไข่ผู้เป็นบุตรสาว กับคำตัดสินหลังสุดนั้น HFEA ย้ำว่า ทั้งศาลสูงและศาลอุทธรณ์ ต่างเห็นด้วยกับฝ่ายตนในเรื่องความสำคัญที่ว่า เรื่องเช่นนี้ต้องมีหลักฐานการยืนยันเจตนาที่เพียงพอ อย่างไรก็ตามหนนี้ศาลอุทธรณ์เห็นว่า มีหลักฐานพอที่จะชี้ให้เห็นถึงความปรารถนาดังกล่าวของบุตรสาว
ทั้งนี้ มารดาของหญิงสาวผู้นี้ มีแผนที่จะนำไข่แช่แข็งนี้ ไปทำกิฟหรือ IVF กับสเปิร์มที่ได้รับการบริจาคที่นครนิวยอร์ก
แสดงความคิดเห็น