วาง 14 ประเด็น จัด เวทีประชาพิจารณ์ แก้ 'กม.บัตรทอง'
Posted: 31 May 2017 11:09 AM PDT   (อ้างอิงจาก อีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)
พลเดช เผยเตรียมจัด เวทีประชาพิจารณ์ แก้ กม.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ วาง 4 ประเด็นหลัก เช่น กรอบการใช้เงิน การเหมาจ่ายรายหัว การจัดระบบครอบคลุมทุกคน ฯลฯ ด้านอดีต กก.หลักประกันสุขภาพ หวั่นไม่เปิดรับฟังอย่างแพร่หลาย


31 พ.ค. 2560 รายงานข่าวแจ้งว่า วานนี้ (30 พ.ค. 60) มี การประชุมคณะอนุกรรมการดำเนินการประชาพิจารณ์พิจารณา (ร่าง) พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่...) พ.ศ... ครั้งที่ 3/2560 โดยมี พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ในฐานะ ประธานอนุกรรมการดำเนินการประชาพิจารณ์พิจารณา (ร่าง) พ.ร.บ.ดังกล่าว เป็นประธาน ร่วมกับผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกว่า 30 คน ณ ห้องประชุมสานใจ 2 ชั้น 6 อาคารสุขภาพแห่งชาติ

พลเดช เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้เตรียมความพร้อมในการจัด เวทีประชาพิจารณ์ (ร่าง) พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่...) พ.ศ... เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมเสนอแนะความคิดเห็นในการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบสุขภาพและการให้บริการด้านสาธารณสุขของคนไทย จำนวน 14 ประเด็นหลัก อาทิ กรอบการใช้เงิน การเหมาจ่ายรายหัว การจัดระบบหลักประกันสุขภาพครอบคลุมทุกคนบนผืนแผ่นดินไทยใน 3 รูปแบบ ได้แก่ การรับฟังความเห็นผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Online) การจัดเวทีประชาพิจารณ์ (Public Hearing) และการจัดเวทีปรึกษาสาธารณะ (Public Consultation) โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2560 เพื่อสรุปเผยแพร่สู่สาธารณะ ควบคู่ไปกับการนำเสนอต่อ คณะกรรมการพิจารณา (ร่าง) พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่...) พ.ศ.... ที่มี รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ เป็นประธาน ต่อไป 
ทั้งนี้ การรับฟังความเห็นผ่านเทคโนโลโยสารสนเทศ (Online) จะดำเนินการผ่านเว็บไซต์ของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และ เว็บไซต์กลางสำหรับการรับฟังความคิดเห็นกฎหมายไทย (www.lawamendment.go.th) โดยจะมีการเผยแพร่เอกสารใน ๓ ส่วนหลัก คือ ร่าง พ.ร.บ.ใหม่ ที่มีการปรับปรุงแก้ไข เอกสารแนวคิดการแก้ไข (Concept Paper) 14 ประเด็น และตารางการเปรียบเทียบการแก้ไขรายมาตรา พร้อมกับคำแนะนำในการอ่านเอกสารเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 2-18 มิ.ย. นี้ 

สำหรับ เวทีประชาพิจารณ์ (Public Hearing) ระดับภูมิภาค เปิดให้ประชาชนที่สนใจทั่วประเทศร่วมแสดงความคิดเห็นจำนวน 4 ครั้ง เริ่มจากเวทีภาคใต้ที่จังหวัดสงขลา วันที่ 10 มิ.ย., เวทีภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 11 มิ.ย., เวทีภาคอีสานที่จังหวัดขอนแก่น วันที่ 17 มิ.ย., เวทีภาคกลางที่กรุงเทพฯ วันที่ 18 มิ.ย. และการจัด เวทีปรึกษาสาธารณะ (Public Consultation) โดยเชิญตัวแทนของหน่วยงานภาคส่วนต่างๆ ที่มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้หาแนวทางสร้างประโยชน์ที่ดีให้กับประชาชน ระหว่างวันที่ 20–21 มิ.ย.นี้

“เนื่องจาก ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ มีผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง มีข้อคิดเห็นที่แตกต่างกันมากมาย จึงต้องพิถีพิถันในการออกแบบการดำเนินการจัดทำประชาพิจารณ์ให้ครอบคลุม ให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง เป็นการสร้างวัฒนธรรมใหม่ ไม่ใช่เพียงแค่การจัดพิธีกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพียงอย่างเดียว แต่ทุกภาคส่วนจะได้เรียนรู้ ปรับตัว เป็นสันติวัฒนธรรม เป็นตัวอย่างของการดำเนินการให้กับหน่วยงานอื่นๆ ที่ในอนาคตอาจจะต้องมีการออกหรือปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อสังคมเป็นวงกว้างในลักษณะเช่นเดียวกันนี้” พลเดช กล่าว

พลเดช กล่าวต่อไปว่า การประชาพิจารณ์เป็นไปตามข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญมาตรา 77 ที่ระบุให้การออกกฎหมาย หรือปรับปรุงแก้ไขกฎหมายใหม่จะต้องมีการจัดทำประชาพิจารณ์ให้ประชาชนรับทราบ และร่วมแสดงความคิดเห็น สำหรับ (ร่าง) พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่....) พ.ศ... นี้ ปรับปรุงแก้ไขจาก พ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ซึ่งประกาศบังคับใช้มาแล้ว 15 ปี จากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอดีตถึงปัจจุบัน ส่งให้การปฏิบัติมีข้อจำกัดที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่ดีของประชาชน การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายครั้งนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติงาน เกิดประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป สร้างสวัสดิการที่ดีให้กับประชาชนมากขึ้น

การประชาพิจารณ์ (ร่าง) พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่...)  พ.ศ... จำนวน 14 ประเด็นหลัก

            1. การจ่ายเงินให้กับหน่วยงาน/องค์กร ที่ไม่มีสิทธิได้รับตามกฎหมาย
            2. กรอบการใช้เงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
            3. การจ่ายเงินโดยตรงแก่บุคคล ไม่จ่ายผ่านหน่วยบริการตามกฎหมายกำหนด
            4. เงินเหมาจ่ายรายหัวกับเงินที่ได้จากผลงานบริการให้รับเข้าเป็นรายได้ของหน่วยบริการ เป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องและจำเป็น และใช้ตามระเบียบเงินบำรุงฯ ได้
            5. นิยาม “บริการสาธารณสุข” คือ บริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขซึ่งให้แก่บุคคล
            6. เงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ให้บริการ ครอบคลุมทุกสิทธิ
            7. เงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้รับบริการ ครอบคลุมทุกสิทธิ และยกเลิกการไล่เบี้ย
            8. การจัดระบบหลักประกันสุขภาพให้ครอบคลุมทุกคนที่อยู่บนแผ่นดินไทย
            9. การร่วมจ่ายค่าบริการ
            10. การจัดซื้อร่วมยา เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์
            11. องค์ประกอบ จำนวน อำนาจหน้าที่ ของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
            12. องค์ประกอบ จำนวน อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข
            13. แยกเงินค่าใช้จ่ายของหน่วยบริการในส่วนเงินเดือนและค่าตอบแทนบุคลากรส่วนที่จ่ายจากเงินงบประมาณของหน่วยบริการภาครัฐออกจากงบเหมาจ่ายรายหัวของกองทุนฯ
            14. การใช้จ่ายเงินบริหารของ สปสช. ไม่ต้องส่งคืนคลังเพื่อความคล่องตัว และการปรับปรุงคุณสมบัติของเลขาธิการ สปสช.  

อดีต กก.หลักประกันสุขภาพ หวั่นไม่เปิดรับฟังอย่างแพร่หลาย

ขณะที่ นิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ และอดีตกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวถึงการเตรียมจัดทำประชาพิจารณ์พิจารณาร่าง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่ .. พ.ศ. .... ) รวม 5 เวที ที่จะดำเนินการภายในเดือน มิ.ย.ที่จะถึงนี้ว่า มีข้อกังวลเกี่ยวกับประชาพิจารณ์ คือ ประชาชนที่มีสิทธิ์พูดเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายครั้งนี้จะต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนก่อนเท่านั้น ขณะที่ผู้ที่ต้องการแสดงความเห็นแต่ไม่อยากลงทะเบียนกลับต้องรอ ทั้งนี้ การจัดการหรือเตรียมการก่อนทำประชาพิจารณ์เป็นเรื่องที่ดี แต่ขณะเดียวกันก็ควรเปิดพื้นที่อย่างกว้างขวางให้แสดงความเห็นด้วย
“เท่าที่ทราบมา คณะกรรมการแก้ไขกฎหมายจะรับฟังและบันทึกเฉพาะประเด็นที่ต้องการให้เกิดการแก้ไขเท่านั้น ขณะที่ประเด็นอื่นๆ ที่อยู่ในความกังวลของภาคประชาชนจะไม่มีการบันทึกไว้ ซึ่งหากกรณีนี้เป็นเรื่องจริง ก็ถือว่าเป็นเวทีประชาพิจารณ์ที่น่าผิดหวัง” นิมิตร์ กล่าว 
นิมิตร์ กล่าวอีกว่า กระบวนการแก้ไขกฎหมายหลักประกันสุขภาพในประเด็นการเปิดรับฟังอย่างแพร่หลายยังเป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่ประชาชนต้องการให้เกิดการแก้ไข แต่ขณะเดียวกันหากคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายไม่รับฟัง ก็ถือว่าเป็นความคับแคบอย่างมาก ทั้งๆ ที่การแก้ไขกฎหมายควรจะมาจากการที่ภาคประชาชนมีส่วนร่วมด้วย เพราะเป็นการแก้ไขเพื่อส่วนรวมอย่างที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ 


แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.