เหยื่อคดีแพะถูก ตร.ปราจีนฯซ้อมให้รับสารภาพ วิ่งราว ปี 52 ฟ้องเรียกค่าเสียหายกับ สตช.

Posted: 31 May 2017 10:56 AM PDT   (อ้างอิงจาก อีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เผย ฤทธิรงค์ ชื่นจิตร เหยื่อคดีแพะที่ถูกตำรวจซ้อมทรมานเพื่อให้รับสารภาพ ยื่นฟ้องพยานเท็จในคดี ต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรียกค่าเสียหายจากการทำละเมิดของเจ้าหน้าที่

31 พ.ค. 2560 มูลนิธิผสานวัฒนธรรม แจ้งว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา ฤทธิรงค์ ชื่นจิตร โดยทนายความของมูลนิธิเพื่อผสานวัฒนธรรม เป็นโจทก์ฟ้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นคดีแพ่งต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ คดีหมายเลขดำที่ พ.949/2560 ในข้อหา ละเมิด เรียกค่าเสียหายตาม พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 7 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในสังกัดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติควบคุมตัวโดยมิชอบและทำร้ายร่างกายเพื่อบังคับให้รับสารภาพในคดีซึ่งตนไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด โดยเรียกค่าสินไหมทดแทนทางละเมิดในคดีเป็นจำนวนเงินทั้งหมด 20,800,000 บาท อันเป็นค่าความเสียหายต่อร่างกายจากการถูกทำร้ายร่างกาย ค่าเสียหายจากชื่อเสียงเกียรติยศและ ค่าเยียวยาความเสียหายต่อสิทธิเสรีภาพในร่างกาย พร้อมให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติลบล้างหรือถอนประวัติอาชญากรรมของนายฤทธิรงค์ฯ โดยในคดีนี้ ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ มีกำหนดนัดไต่สวนคำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในวันที่ 28 ส.ค.นี้ เวลา 13:00 น.

รายละเอียดเพิ่มเติม มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ระบุว่า สืบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2552 ขณะที่ ฤทธิรงค์ อายุ 17 ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองจังหวัดปราจีนบุรีจับกุมในข้อหาวิ่งราวทรัพย์ แล้วส่งตัวฤทธิรงค์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนของตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนนำไปควบคุมและได้ร่วมกันซ้อมทรมานให้รับสารภาพว่าเป็นคนวิ่งราวทรัพย์ทั้ง ๆ ที่ฤทธิรงค์ไม่ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหา ต่อมาพนักงานอัยการจังหวัดปราจีนบุรีมีคำสั่งไม่ฟ้องฤทธิรงค์และคดีถึงที่สุด

เป็นเวลากว่า 6 ปี ที่ ฤทธิรงค์ ได้ร้องเรียนต่อหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้ง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อให้ดำเนินคดีอาญากับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซ้อมทรมานตน แต่ไม่เป็นผล โดยต่อมาป.ป.ท. ได้มีคำสั่งว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีความผิด ต่อมาเมื่อปี 2558 ฤทธิรงค์ จึงได้ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรีด้วยตนเอง ดำเนินคดีอาญากับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมด 7 คน ได้แก่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองจังหวัดปราจีนบุรี 2 คน และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนของตำรวจภูธรจังหวัดปราจีน 5 คน ในข้อหาความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ความผิดต่อร่างกาย และความผิดต่อเสรีภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา ศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งรับฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนของตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี 4 คน เป็นจำเลย ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 3 คนที่ศาลมีคำสั่งไม่รับฟ้อง นายฤทธิรงค์ฯ โจทก์ ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อไป คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นอุทธรณ์ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 2 ใน 4 คนที่ตกเป็นจำเลย ได้แก่ยศพันตำรวจเอก 1 คน และดาบตำรวจ 1 คน ยอมรับสารภาพผิดว่าตำรวจทั้ง 4 คนที่ศาลรับฟ้องนั้นได้ร่วมกันซ้อมทรมานนายฤทธิรงค์จริงและขอโทษต่อครอบครัวนายฤทธิรงค์ฯ นายฤทธิรงค์จึงถอนฟ้องคดีให้แก่ตำรวจทั้งสองคนดังกล่าว ยังคงเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 2 คน ที่ศาลจังหวัดปราจีนบุรีรับฟ้องไว้แล้วยังคงปฏิเสธ ศาลจึงนัดสืบพยานในส่วนจำเลยทั้งสองคนนี้ในวันที่ 13 ถึง 16 และ 20 ถึง 21 เดือนกุมภาพันธ์ 2561

ต่อมา เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2560 เวลา 13.00 น. ฤทธิรงค์ ชื่นจิตร ในฐานะโจทก์ที่ 1 และ สมศักดิ์ ชื่นจิตร บิดาโจทก์ที่ 2 พร้อมทนายความจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้ยื่นฟ้องบุคคลระดับผู้บริหารหน่วยงานปกครองท้องถิ่นคนหนึ่งซึ่งเป็นพยานให้การเท็จเพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซ้อมทรมาน ทำให้ ฤทธิรงค์ได้รับความเสียหาย ในคดีที่ฤทธิรงค์ร้องเรียนต่อ ป.ป.ท. กล่าวหาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนฯ 5 คนที่ซ้อมทรมานตน โดยยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรี เป็นจำเลย คดีหมายเลขดำที่ 1009/2560 ในข้อหา ความผิดต่อเจ้าพนักงาน ความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม และความผิดเกี่ยวกับเอกสาร โดยกล่าวหาว่าเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2556 พยานคนดังกล่าวได้เข้าให้ถ้อยคำต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงของ ป.ป.ท. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จเพื่อช่วยเหลือตำรวจทั้ง 5 ราย ให้พ้นข้อกล่าวหา เป็นผลทำให้ ป.ป.ท. มีคำสั่ง ที่ 40/2556 ชี้มูลว่าจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีความผิดตามคำร้อง ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ศาลจังหวัดปราจีนบุรีนัดไต่สวนมูลฟ้องคดีนี้ในวันที่ 31 ก.ค. 2560 เวลา 13:00 น

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.