วิเคราะห์

“วัฒนา”เปิดปาก
หักแหล่งข่าวตีกิน
ยัดโยงเหยื่อ“เสื้อแดง”

นายจตุพร พรหมพันธ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เห็นเนื้อหาสื่ออ้างแหล่งข่าวความมั่นคง จึงเชื่อมั่นทันทีว่า กระสุนหรือสะเก็ดระเบิดจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ได้ตกใส่กลุ่มคนเสื้อแดงอีกตามเคย

เป็นการตกใส่แบบยัดเยียดข้อหาอย่างเคยตัว และเคยชินมาตลอดนับครั้งไม่ถ้วนที่เกิดระเบิดขึ้นในสถานการณ์การเมือง หรือกระทบความมั่นคงของกลุ่มอำนาจ

และทุกครั้งที่กล่าวหากลุ่มคนเสื้อแดง โดยไร้ข้อเท็จจริง หรือไม่อยากสืบหาความจริง แต่มุ่งขยายเอาเองตามทัศนคติเอียงกระเท่เร่ จึงโยนข้อหาให้เสื้อแดงกลายเป็นหมู่บ้านกระสุนตกอยู่ร่ำไป

ทั้งๆ นายวัฒนา ภุมเรศ ชายวัย 62 ปี ผู้ต้องหาวางระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎรับสารภาพต่อหน้า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. และต่อหน้านายตำรวจระดับนายพลที่นั่งเต็มหน้าแถลงข่าวชั้น 7 ตึกบัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน นี้

เป็นการรับสารภาพที่สะท้อนเนื้อหาการลงมือก่อเหตุใน 3 ประเด็นหลักคือ หนึ่งทำคนเดียว และสองเกี่ยวข้องกับการเมือง และสามไม่เกี่ยวกับอุดมการณ์เสื้อแดง หรือเป็นคนเสื้อแดง

คำรับสารภาพข้อที่หนึ่งนั้น ด้วยปูมหลังความรู้เป็นวิศวกรไฟฟ้า อดีตพนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) บ่งบอกถึงคนมีความรู้ต่อแผงวงจรไฟฟ้าอย่างดี และที่สำคัญลงทุนก่อเหตุแต่ละครั้งใช้เงินเพียง 50 บาทเท่านั้น จึงยืนยันถึงลักษณะก่อเหตุคนเดียวได้เป็นเบื้องต้น

ส่วนข้อสอง จัดเป็นไฮไลต์การรับสารภาพ คือ แรงจูงใจมาจากการเมือง เพราะนายวัฒนา บอกว่า ไม่ชอบทหารยึดอำนาจ แล้วรัฐบาลกลับอ้างทำเพื่อประชาชน แต่ประเทศหายนะ เศรษฐกิจเสียหาย จึงลงมือก่อเหตุเป็นเชิงสัญญาลักษณ์ส่งถึงรัฐบาลยึดอำนาจว่า ประชาชนไม่ได้ชื่นชม

สิ่งนี้เป็นอุดมการณ์การเมืองของนายวัฒนาชัดเจนที่พูดยืนยันผ่านไมค์โครโฟนเสียงดังไปทั่วห้องแถลงข่าวรับสารภาพต่อหน้าสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก และต่อหน้านายตำรวจใหญ่ระดับนายพล คนสำคัญๆทั้งนั้น

สำหรับเนื้อหาคำสารภาพข้อสามนั้น เป็นเสียงจากสื่อพยายามบดขยี้ด้วยคำถามการเมือง“สีเสื้อ” ถี่ยิบเข้าใส่แต่นายวัฒนาสีหน้าเรียบเฉย บุคลิกนิ่งสงบของผู้ต้องหาระดับวิศวกรไฟฟ้าคนนี้ กลับปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยวกัน ไม่ได้เป็นเสื้อแดง ส่วนเสื้อแดงที่มีได้จากเพื่อนให้เป็นของขวัญวันเกษียณ

“ผมเคยไปร่วมชุมนุมทั้งกับ กปปส. และ นปช. ไปในฐานะประชาชนติดตามข้อมูลทั้งสองด้าน” นายวัฒนายืนยันอีกครั้ง

หากสื่อไม่ถามประเด็นสีเสื้อแล้ว ประชาชนคงไม่ได้รับรู้ความกระจ่างชัดที่ออกจากปากนายวัฒนา...ตรงนี้ต้องขอบคุณสื่อ ที่พยายามทำการคลี่คลายทุกประเด็น

คำสารภาพและยืนยันจากปากนายวัฒนาเช่นนี้ บ่งชี้ถึงเป็นคนสนใจการเมือง และลงมือก่อเหตุด้วยปัจจัยทางการเมือง แต่เป็นการเมืองแบบปัจเจก ไร้การจัดตั้ง หรือถูกปลูกฝังอุดมการณ์ทางการเมืองจากกลุ่มก้อนใดและฝ่ายการเมืองสีเสื้อไหนทั้งสิ้น

การเมืองแบบปัจเจกอยู่ในตัวนายวัฒนาเข้มข้น ด้วยการยึดมั่นอุดมการณ์ไม่เอาระบบการเมืองทางลัด ไม่ชอบทหารปฏิวัติ รังเกลียดชิงชังรัฐบาลที่แอบอ้างประชาชนไปยึดอำนาจ แล้วที่สำคัญทำให้ประเทศหายนะ

ด้วยอิทธิฤทธิ์การเมืองแบบนี้ จึงทำให้การข่าวฝ่ายความมั่นคงตีความด้วยทัศนคติเอียงๆ ยัดเยียดใส่ร้ายให้กลุ่มเสื้อแดง แล้วขยายความนำกระสุนคำรับสารภาพมาปล่อยข่าวให้สื่อขย่มเสื้อแดงอย่างไร้การตรวจสอบ ตามหลักการข่าวจากแหล่งข่าวที่ให้ “ดับเบิ้ล” ตรวจสอบ

ดังนั้น ปากคำรับสารภาพของนายวัฒนา จึงเท่ากับว่า แหล่งข่าวที่กล่าวอ้างว่าเป็นระดับสูงนั้น แท้จริงแล้วเป็นเพียงคนอยากให้ข่าว ซึ่งปรารถนาให้สื่อเป็นเครื่องมือขยายผลไปตามความต้องการของคนให้ข่าว

เพราะคำว่า “แหล่งข่าว” นั้นสูงส่งกว่าคนให้ข่าวอย่างลิบลับ เพราะแหล่งข่าวที่แท้จริงนั้น ผ่านการพิสูจน์ซึ่งกันและกันทั้งสองฝ่าย

ฝ่ายสื่อต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบเนื้อหาข่าวที่ให้ว่า ถูกต้อง เชื่อถือได้มานับครั้งไม่ถ้วน ส่วนฝ่ายแหล่งข่าวก็ต้องพิสูจน์ว่า สื่อเก็บตัวตนคนให้ข่าวได้อย่างมิดชิด และปลอดภัย

แต่ครั้งนี้ วาทะของ“แหล่งข่าวความมั่นคงระดับสูง” กลับระบุเนื้อหาพิมพ์เดียวกันปล่อยออกไปสู่สำนักต่างๆชนิดคำต่อคำ เหมือนกับได้รับกระดาษพิมพ์ยัดใส่มือแผ่นเดียวกัน

เป้าหมายของแหล่งข่าวความมั่นคงระดับสูงเช่นนี้ ยิงกระสุนตกที่หมู่บ้านเสื้อแดงเป็นว่าเล่น ครั้งแล้วครั้งเล่า ยัดเยียดข้อหาพล่อยๆ ขาดสติ ไร้สำนึก เพียงเพื่อต้องการให้เสื้อแดงเป็นเหยื่อ ได้รับความเสียหาย และให้สื่อรับความผิดพลาด

ส่วนตัวเองนอนหัวเราะลั่น เมื่อปฏิบัติการข่าวปล่อย ถูกสื่อนำขยายผ่านออกมาได้ตามความต้องการที่วางไว้

นายจตุพร เคยกล่าวว่า สถานการณ์กระสุนตกที่หมู่บ้านคนเสื้อแดงเกิดขึ้นบ่อย จนนับไม่ถ้วน พร้อมขอให้ประชาชนติดตามข่าวใกล้ชิด อย่าวิตก หรือเป็นกังวล เพราะบทเรียนจากการเป็นเหยื่อการเมืองนั้น มักจะปรากฏความจริงขึ้นเสมอ

นายวัฒนา เปิดเฉยความจริงในคำรับสารภาพแล้ว แต่คงไม่ถามหาความรับผิดชอบของพวกปล่อยข่าวและตกเป็นเครื่องมือแหล่งข่าวความมั่นคงระดับสูง

คนพวกนี้หน้ามึน ไม่มีความรู้สึกรับผิดชอบอยู่แล้ว จึงอย่าหวังว่า จะมียางอายอยู่เลย

PEACE NEWS

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.