Posted: 02 Jan 2019 09:06 PM PST  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Thu, 2019-01-03 12:06


อนินท์ญา ขันขาว

ในช่วงระยะเวลาที่หลายพรรคการเมืองเข้าสู่การหาเสียง แม้ว่า กกต.ไม่เคยประกาศว่าจะเลือกตั้งเมื่อไร แต่หลายๆ คนก็มีความหวังว่าจะได้ใช้สิทธิพื้นฐานในการเลือกตั้งผู้แทนเร็วที่สุดนี้ เพื่อจะได้มีรัฐบาลที่เข้ามาปฏิบัติตำแหน่งอย่างชอบธรรมและทำตามกติกา ในระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงวันนี้จะเห็นได้ว่าหลายพรรคการเมืองชูประเด็นทางด้านต่างๆ เช่น เศรษฐกิจ สังคม สวัสดิการ กฎหมาย คนรุ่นใหม่ เป็นต้น ซึ่งประเด็นรัฐสวัสดิการเป็นประเด็นที่ครอบคลุมคนทั้งประเทศ และเป็นปัญหาที่สำคัญที่ภาครัฐต้องเข้ามาพัฒนา ส่งเสริม แก้ปัญหา ซึ่งผู้เขียนสนใจประเด็นคนในพื้นที่สาธารณะ(คนไร้บ้าน) โดยได้มีการลงพื้นที่สอบถามถึงความต้องการที่จะให้ภาครัฐเข้ามาช่วยแก้ปัญหา ความต้องการเลือกตั้ง รวมไปถึงให้ข้อมูลเกี่ยวกับการแก้ปัญหาของภาครัฐ โดยเฉพาะการที่เจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการจับคุมตัวไป ที่สำคัญผู้ให้ข้อมูลทุกคนไม่รู้จัก บัตรสวัสดิการ หรือบัตรคนจนคืออะไร

ประเทศไทยมีคนไร้บ้านอยู่จำนวนหนึ่งโดย นายแพทย์วีระพันธ์ สุวรรณไชยมาตย์ รองประธานกรรมการ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพระบุว่าสถานการณ์คนไร้บ้านในประเทศไทย ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีจำนวน 1,307 คน มากเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ ขอนแก่น 136 คน และเชียงใหม่ 75 คน (ข้อมูลวันที่ 27 สิงหาคม 2561 จาก Thai PBS) แม้ว่าจะไม่มากแต่ทั้งนี้ในอนาคตอาจจะมีจำนวนมากขึ้น สืบเนื่องมาจากปัญหาทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ซึ่งคนกลุ่มนี้มักถูกมองว่าเป็นคนไม่ประกอบอาชีพ เร่ร่อน จรจัด เกียจคร้าน และมองคนกลุ่มนี้ว่าเป็นคนชายขอบเป็นภาระของสังคม ซึ่งยิ่งส่งผลต่อสุขภาพจิต และภาวะซึมเศร้ากับคนกลุ่มนี้มากยิ่งขึ้น

สำหรับสาเหตุที่ทำให้คนกลุ่มนี้มาอาศัยในพื้นที่สาธารณะ จากการสำรวจสอบถามในพื้นที่ (วันที่ 29-30 ธันวาคม 2561) หน้ากองสลากเก่า ถนนราชดำเนิน ถนนข้าวสาร หัวลำโพง พบว่ามี 7 กรณี ที่ทำให้กลายเป็นคนในพื้นที่สาธารณะคือ

1.มีปัญหาด้านสุขภาพจิต พบผู้สูงอายุและวัยกลางคนที่มีความหวาดกลัวผู้คน ความจำเสื่อม

2. คนตกงานไม่มีที่ไป แบ่งเป็นคนต่างจังหวัดและแรงงานต่างด้าว

3.หนีออกจากบ้าน ส่วนใหญ่มักเป็นผู้สูงอายุ สืบเนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

4.กลุ่มวัยรุ่น เมาสุรา ชาวบ้านแถวนั้นให้ข้อมูลว่าคนกลุ่มนี้มักจะก่อความไม่สงบ การทะเลาะวิวาทและลักทรัพย์ โดยเฉพาะที่สถานีรถไฟหัวลำโพง

5.ทำงานอยู่แต่มานอนบริเวณที่สาธารณะ (ข้อมูลนี้อาจจะไม่เป็นจริงเพราะขณะสอบถามหลายคนตอบว่ามานอนเล่น เดี๋ยวจะกลับบ้าน ซึ่งพอถามคนบริเวณหน้ากองสลากเก่าพบว่า เทศกิจของกรุงเทพ จะมาจับตัวไปอยู่ในพื้นที่ ที่เตรียมให้ จึงทำให้คนหลายคนมาอยู่ตามที่ต่างๆ มีพิรุธ คือตอบคำถามแบบกำกวม บอกว่ามานอนเล่น ทั้งๆที่นอนหน้าร้านค้าบริเวณนั้น)

6.ชาวต่างชาติ และโสเภณี บางรายที่อยู่บริเวณราชดำเนินทั้งกลางวันและกลางคืน

การสอบถามเป็นไปค่อนข้างยากเพราะบางข้อมูลไม่สามารถเชื่อได้ โดยทั้งนี้จึงมีการพยายามสอบถามหลายคนเพื่อเช็คข้อมูลที่ตรงกัน (Recheck) แต่ก็มีการปฏิเสธหรือไม่ตอบคำถามไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง จนกระทั่ง ลุงดำ(นามสมมติ) คนไร้บ้านบริเวณถนนราชดำเนินได้ให้ข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ชอบมารับไปอยู่ที่ศูนย์คนไร้บ้านเพื่อฝึกอาชีพ บางคนทำได้ แต่ส่วนหนึ่งก็หนีออกมา เพราะไม่ได้ชอบ ยิ่งกว่านั้นมีการกล่าวว่าเจ้าหน้าที่รัฐ ใช้ทำความสะอาด ตัดหญ้า ที่บ้าน คำถามคือ องค์กรที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพารัฐบาล แก้ไขปัญหาตรงจุดแล้วหรือไม่ เพราะมีคนพยายามหนีออกมาเป็นคนในพื้นที่สาธารณะเช่นเดิม

แม้ว่าภาครัฐ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะมีการดำเนินการในการแก้ปัญหาแล้ว โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และไม่จริงจัง แท้จริงแล้วต้นเหตุเกิดจากปัญหาทางเศรษฐกิจ และการขยายตัวของความเป็นเมือง (Urbanization) แต่ละคนมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ที่ไม่เท่ากัน การพัฒนาอย่างรวดเร็วยิ่งทำให้คนไม่เท่ากัน หรือก้าวไม่ทันการเปลี่ยนแปลงช่องว่างทางเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ จึงมีมาก ประเทศไทยเป็นประเทศที่กำลังพัฒนามานาน ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เน้นย้ำหลายข้อว่าจะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนา ก่อนอื่นรัฐบาลควรดำเนินการทางภาคเศรษฐกิจให้มีความเข้มแข็งพัฒนาคนในชาติให้สามารถมีทักษะ ประสบการณ์ เพื่อเข้าสู่กระบวนการทำงาน ประกอบอาชีพอย่างยั่งยืน จัดสวัสดิการที่เป็นธรรมกับคนในสังคม แม้ว่าแต่ละคนจะเสียภาษีไม่เท่ากัน แต่การศึกษา สุขภาพ การอุปโภคบริโภค และบริการสาธารณะต่างๆ จำเป็นกับคนส่วนใหญ่ของประเทศ

สำหรับสวัสดิการที่รัฐบาลปัจจุบันทำ คือ บัตรสวัสดิการของรัฐหรือบัตรคนจนนั้น เมื่อสอบถามคนในพื้นที่สาธารณะพบว่า ทุกคนที่สอบถามไม่รู้จักว่าบัตรคนจนคืออะไร ต้องสมัครอย่างไร ซึ่งเป็นปัญหาที่หนักกว่าการที่คนฐานะปานกลาง ผ่านการตรวจสอบและได้รับสิทธิ แม้ว่าจะมีเกณฑ์คัดเลือก การปลอมแปลงรายรับทำได้ง่าย การตรวจสอบเอกสารยื่นรับบัตรสวัสดิการของรัฐทำยาก ทำให้คนบางคนตกหล่น สะท้อนให้เห็นว่าบัตรคนจนไม่ต่างจากการทำประชานิยมเรียกคะแนนเสียง แต่ในทางกลับกัน ถ้าการให้บัตรดังกล่าวเป็นธรรมทั่วถึง เจ้าหน้าที่ทำงานตรวจสอบเข้มงวด น่าจะส่งผลดีกับคนหลายกลุ่ม

นอกจากนี้มีการสอบถามถึงการเลือกตั้งบางคนไม่ได้สนใจว่าจะมีหรือไม่มี เพราะคิดว่าไม่ได้ส่งผลกระทบกับตน ต่อให้เลือกใครไปก็ไม่ได้มีชีวิตที่ดีขึ้น แต่บางคนต้องการให้มีการเลือกตั้งเร็วๆนี้ เพราะไม่ชอบรัฐบาลทหารคิดว่า รัฐบาลควรมาจากการเลือกตั้งเพราะมีความรู้ หรือศึกษาด้านการปกครองมากกว่า โดยสิ่งที่มีการเรียกร้องให้ รัฐบาลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งช่วยเหลือ คือ

1.การได้รับบริการรถเมล์ฟรี เช่นเดิมเพราะไม่ทราบว่าขณะนี้ไม่มีฟรี ต้องทำบัตรสวัสดิการ

2.มีห้องอาบน้ำ หรือห้องน้ำสาธารณะ

3.ที่ฝากของเพื่อเก็บของบางอย่างที่สำคัญ

4.การฝึกอาชีพ การส่งเสริม ให้ความรู้ที่หลากหลาย

5. ไม่ดำเนินการจัดการจับคนไร้บ้านไปอยู่ที่ศูนย์โดยไม่เต็มใจ

6.จัดโซนที่ปลอดภัย สะอาด และรองรับคนไร้บ้านทั้งชั่วคราวคือ คนที่เดินทางไป-กลับ กรุงเทพฯ ต่างจังหวัด และคนไร้บ้านถาวรที่ยังไม่โดนจับ

ทั้งนี้เสียงของคนกลุ่มนี้อาจจะสามารถส่งผลที่ดีในอนาคต แต่ทั้งภาครัฐหรือคนในพื้นที่สาธารณะเองต้องปรับทั้งสองฝ่าย ภาครัฐดำเนินการเข้ามาช่วยส่งเสริม แก้ปัญหา ตั้งแต่การดำเนินการจัดทำนโยบาย หรือการดำเนินการเมื่อ เป็นรัฐบาล คนในพื้นที่สาธารณะอาจจะต้องพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น หางานทำ แต่งตัว สร้างภาพลักษณ์ให้ดี พึ่งพาตนเองให้มากที่สุด หากมีปัญหาด้านสุขภาพกายหรือสุขภาพจิตควรมีผู้พาไปบำบัด โดยเฉพาะกระทรวงพัฒนาสังคมฯ และกระทรวงสาธารณสุข

[full-post]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.