ที่มา: Facebook @patriotact
Posted: 04 Jan 2019 01:48 PM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Sat, 2019-01-05 04:48
เว็บไซต์สตรีมมิงสื่อบันเทิง Netflix ถอด EP.2 ของรายการ Patriot Act with Hasan Minhaj ออกจากซาอุดิอาระเบีย หลังจากทางการซาอุฯ ร้องเรียนว่าเนื้อหาในตอนนี้ขัดต่อกฎหมายอาชญากรรมไซเบอร์ อย่างไรก็ตามนักแสดงตลก ฮาซัน มินฮัจ พิธีกรรายการนี้ก็ออกมาโต้ตอบในเชิงเย้าแหย่และใช้โอกาสที่สื่อกำลังสนใจในเรื่องนี้ขอรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือกู้วิกฤตมนุษยธรรมในเยเมน
โดยในตอนที่ 2 ของรายการเชิงตลกเสียดสีที่ชื่อ Patriot Act with Hasan Minhaj หรือ "กระทำความรักชาติไปกับฮาซัน มินฮัจ" นักแสดงตลกพิธีกรรายการได้พูดในเชิงวิจารณ์เสียดสี เจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน และรัฐบาลซาอุดิอาระเบียในกรณีการสังหารจามาล คาชอกกี เป็นเหตุให้ทางการซาอุฯ เรียกร้องให้มีการถอดถอนรายการตอนนี้ออกและ ทางเน็ตฟลิกซ์ก็ยอมทำตาม
ทางการซาอุฯ อ้างกฎหมาย "ต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์" มาตรา 6 ในการเรียกร้องให้เน็ตฟลิกซ์ถอนรายการตอนนี้ กฎหมายดังกล่าวระบุห้ามไม่ให้ "ผลิต เตรียมการ เผยแพร่ หรือบันทึกเนื้อหาที่กระทบกระเทือนต่อความสงบเรียบร้อยในสังคม ต่อค่านิยมทางศาสนา ต่อศีลธรรมในสังคม และต่อความเป็นส่วนตัว" ลงบนอินเทอร์เน็ต
อย่างไรก็ตามถึงแม้ตอนดังกล่าวจะถูกถอนออกจากเน็ตฟลิกซ์แล้วแต่ก็ยังสามารถรับชมได้ผ่านยูทูบ นอกจากนี้มินฮัจยังแถลงในเชิงเสียดสีเย้าแหย่ว่า "แน่นอนว่า การทำให้คนเลิกดูอะไรสักอย่างได้คือการสั่งแบนมัน ทำให้มันกลายเป็นที่นิยมทางออนไลน์ แล้วก็ให้มันอยู่ในยูทูบ" มินฮัจระบุผ่านทวิตเตอร์ในโพสต์เดียวกันเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกว่า "เราไม่ควรจะลืมว่าในตอนนี้ยังคงมีวิกฤตด้านมนุษยธรรมครั้งใหญ่ที่สุดกำลังเกิดขึ้นในเยเมน" รวมถึงระบุลิงค์บริจาคให้องค์กรกู้ภัยช่วยเหลือผู้คนในเยเมน
กรณีการสังหารนักข่าววอชิงตันโพสต์ผู้วิพากษ์วิจารณ์ราชวงศ์ซาอุฯ เมื่อเดือน ต.ค. 2561 กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของทางการซาอุฯ ในรายการของมินฮัจมีการกล่าวพาดพิงถึงเจ้าฟ้าชายโมอัมเหม็ด บิน ซัลมาน และรัฐบาลซาอุฯ ที่เชื่อว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสังหารอย่างโหดเหี้ยมภายในสถานทูตซาอุฯ ประจำตุรกี
"แค่ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน หรือที่รู้จักในนาม MBS ได้รับการยกย่องให้เป็นนักปฏิรูปที่โลกอาหรับต้องการ แต่การเปิดโปงเรื่องกรณีสังหารคาชอกกีก็ทำลายภาพลักษณ์นี้แตกกระจุย" มินฮัจกล่าวในรายการ
นักแสดงตลกซาอุฯ ผู้นี้กล่าวในช่วงท้ายรายการตอนที่ถูกสั่งแบนว่า "ผมสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงในซาอุดิอาระเบียอย่างจริงใจ ผมสนับสนุนประชาชนชาวซาอุุฯ มีประชาชนในซาอุฯ ที่ต่อสู้เพื่อการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง แต่ MBS ไม่ใช่หนึ่งในนั้น" และยังวิพากษ์ MBS ต่อไปว่าเขาไม่ได้ทำไปเพื่อต้องการทำให้ซาอุฯ กลายเป็นสมัยใหม่ แต่พยายามฝังรากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ภายใต้หน้ากากว่ามีความก้าวหน้า
ทางเน็ตฟลิกซ์แถลงในเรื่องการถอนตอนหนึ่งของรายการนี้ออกว่า "พวกเราสนับสนุนเสรีภาพทางการแสดงออกทางศิลปะทั่วโลก และพวกเราแค่นำรายการตอนนี้ออกจากการเผยแพร่ในซาอุฯ หลังจากที่ได้รับคำร้องเรียนที่มีความชอบธรรมทางกฎหมาย และดำเนินการตามกฎหมายในประเทศซาอุฯ เอง"
เน็ตฟลิกซ์เป็นบริการเผยแพร่สื่อบันเทิงที่เปิดบริการ 190 ประเทศทั่วโลก มีผู้สมัครลงทะเบียนเป็นสมาชิก 137 ล้านราย อย่างไรก็ตามเน็ตฟลิกซ์เองมีข้อตกลงเกี่ยวกับการอนุญาตเผยแพร่ที่ทำให้เนื้อหาบางส่วนถูกจำกัดในบางพื้นที่ได้ทำให้คนต่างประเทศเข้าถึงเนื้อหาได้ไม่เท่ากัน เช่นคนในสหรัฐฯ จะสามารถเข้าถึงรายการได้ 1,081 รายการ และภาพยนตร์ 4,579 เรื่อง แต่คนในซาอุฯ จะสามารถเข้าถึงรายการได้เพียง 176 รายการ และภาพยนตร์ 468 เรื่องเท่านั้น
โฆษกของเน็ตฟลิกซ์ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อบีบีซีว่าในแต่ละประเทศจะมีกฎหมายต่างกันว่าเนื้อหาแบบไหนจะอนุญาตให้เผยแพร่ได้บ้าง เขาบอกอีกว่า "ขณะที่พวกเราอาจจะไม่เห็นด้วยกับกฎหมายเหล่านี้บางข้อ พวกเราก็ปฏิบัติตามคำร้องทางกฎหมายในการถอดเนื้อหาออกในประเทศที่ต่างกัน"
แต่การถอดเนื้อหานี้ก็ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จาก จิลเลียน ซี ยอร์ก ผู้อำนวยการองค์กรเพื่อเสรีภาพอินเทอร์เน็จอิเล็กทรอนิกฟรอนเทียร์ฟาวน์เดชันว่าเป็น "การปรามาสต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น"
เรียบเรียงจาก
Netflix row: Hasan Minhaj pokes fun at removal of show criticising Saudi Arabia, The Guardian, 03-01-2019
Netflix removes Patriot Act episode in Saudi Arabia following government complaint, The Verge, 01-01-2019
Netflix removes Hasan Minhaj comedy episode after Saudi demand, BBC, 02-01-2019
ทวิตเตอร์ของ Hasan Minhaj
แสดงความคิดเห็น