Posted: 15 Jan 2019 12:12 AM PST  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Tue, 2019-01-15 15:12


เปิดคอร์สสร้างอาชีพ แก้ปัญหายั่งยืน ขณะที่ ผอ.-ครู- เขตพื้นที่การศึกษา พร้อมติดตามผลใกล้ชิด หลังได้รับเงินอุดหนุน ป้องกันเด็กหลุดนอกระบบ ด้าน กสศ.เปิดระบบ ให้ รร.ส่งรายชื่อนร.ยากจนพิเศษถึง 16 ม.ค.นี้

15 ม.ค.2562 เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่โรงเรียนสตรีวัดอัปสรสวรรค์ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา จัดเสวนา ติดตามเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษ จัดสรรช่วยเหลือแล้วแก้ปัญหาตรงจุดอย่างไร ชูสะอาด กันธรส ผู้อำนวยการสำนักบริหารเงินอุดหนุนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ กสศ. กล่าวว่า สถานะการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษอย่างมีเงื่อนไข ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา กสศ. ได้โอนเงินอุดหนุนในรอบแรกให้แก่โรงเรียนและผู้ปกครองที่ส่งข้อมูลเข้ามาและผ่านการตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วน เสร็จเรียบร้อยแล้วเป็นเงินทั้งสิ้น 393,932,400 บาท ครอบคลุมโรงเรียนจำนวน 16,497 โรงเรียน และนักเรียนจำนวน 364,527 คน โรงเรียนสามารถตรวจสอบสถานะการโอนเงินได้จาก User ของ Admin โรงเรียน และเมื่อได้รับเงินอุดหนุนแล้ว สามารถดำเนินการตามแผนการใช้เงินที่เสนอไว้แก่คณะกรรมการสถานศึกษาได้ทันที สำหรับเงินอุดหนุนนักเรียน ที่ผู้ปกครองไม่มีบัญชีเงินฝากธนาคารและขอรับเงินสดจากโรงเรียน ควรเบิกจ่ายแก่นักเรียนภายใน 7-10 วัน นับจากวันที่ได้รับเงินโอนจาก กสศ. โดยหลังจากนี้สถานศึกษาและครูจะรายงานบันทึกการมาเรียน รวมถึงนำ้หนัก ส่วนสูงของนักเรียนยากจนพิเศษรายบุคคลอย่างใกล้ชิดตลอดปีการศึกษาผ่าน cct.thaieduforall.org ตามข้อตกลงการจัดสรรเงินอุดหนุนอย่างมีเงื่อนไข ซึ่งจะเป็นข้อมูลและผลลัพธ์ที่สำคัญในการจัดสรรเงินอุดหนุนภาคเรียนถัดไป โดยนักเรียนยากจนพิเศษจะต้องมีอัตราการมาเรียนสูงกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียน หลังจากนี้ทางเขตพื้นที่การศึกษาจะช่วยลงพื้นที่สนับสนุน ติดตามผลการใช้เงินอุดหนุน และการดำเนินงานของทางโรงเรียนต่อไป

ชูสะอาด กล่าวว่า จากการตรวจสอบระบบการจ่ายเงินอุดหนุน เราพบว่าขณะนี้ยังมีโรงเรียน 2 กลุ่ม ที่ขอความร่วมมือให้เร่งดำเนินการเข้ามาในระบบได้แก่ 1.กลุ่มที่ต้องแก้ไขข้อมูลที่ส่งเข้ามาให้ถูกต้อง เช่น กรอกชื่อบัญชีเงินฝาก เลขบัญชีธนาคารไม่ถูกต้อง และ2 กลุ่มที่ยังไม่ได้ดำเนินการส่งข้อมูลเข้ามาเลยจำนวนรวมทั้งสิ้น 7,070 โรงเรียน ซึ่งหลังจากเปิดระบบรอบสุดท้ายในปีการศึกษา 2561 ล่าสุด มีโรงเรียนกรอกข้อมูลเข้ามาเพิ่มเติมมากกว่า 2,600 โรงเรียนหรือ ประมาณ 1 ใน 3 ของรายชื่อโรงเรียนที่เหลืออยู่ โดยระบบจะยังเปิดไปจนถึงวันพุธที่ 16 มกราคม 2562 นี้ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้สถานศึกษาอีกราว 4,400 แห่งเร่งจัดประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาเพื่อส่งผลการรับรองรายชื่อนักเรียนยากจนพิเศษ และดำเนินการเปิดบัญชีสถานศึกษาพร้อมทั้งระบุชื่อ-เลขบัญชีให้ถูกต้องเพื่อมิให้นักเรียนเสียโอกาสในการรับเงินอุดหนุนยากจนพิเศษในปีการศึกษานี้ ทั้งนี้สามารถตรวจสอบรายชื่อสถานศึกษาสังกัด สพฐ. ที่ยังไม่ได้จัดทำข้อมูล นร.ยากจนพิเศษ ได้ที่ https://www.eef.or.th/thaieduforall/ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ 02-079-5475 กด 1

ด้านนายสุภกร บัวสาย ผู้จัดการ กสศ. กล่าวว่า หัวใจสำคัญของเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษ คือการดูแลและพัฒนานักเรียนเป็นรายบุคคล ตามสภาพปัญหาที่แตกต่างกัน ซึ่งภายหลังได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนจาก กสศ.นั้น โรงเรียนสามารถบริหารจัดการเงินอุดหนุนเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 ค่าอาหารเช้าสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา ค่าอาหารกลางวันสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา โดยโรงเรียนสามารถบริหารจัดการตามความเหมาะสมเพื่อให้นักเรียนมีภาวะโภชนาการที่ดี มีน้ำหนัก ส่วนสูงตามเกณฑ์ นำไปสู่พัฒนาการสมวัย พร้อมเรียนรู้เต็มศักยภาพ และส่วนที่ 2 ค่าดำเนินกิจกรรมทางการศึกษา เสริมสร้างพัฒนาทักษะชีวิต ทักษะอาชีพในอนาคต โดยคำนึงถึงความสนใจของนักเรียน บริบทของพื้นที่ และโอกาสทางเศรษฐกิจประกอบกัน เพื่อขยายผลเงินอุดหนุนให้เป็นประโยชน์แก่นักเรียนกลุ่มนี้ในระยะยาว

“กรณีของโรงเรียนสตรีวัดอัปสรสวรรค์ ถือเป็นต้นแบบการขยายผลเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษ ด้วยงบประมาณจำนวนไม่มาก แต่โรงเรียนวางแผนต่อยอด สร้างมูลค่าเพิ่ม เมื่อสำรวจว่านักเรียนมีความสนใจด้านเบเกอรี่ จึงเปิดคอร์สพิเศษเพื่อสอนนักเรียนกลุ่มนี้ ซึ่งการเรียนการสอนสามารถบูรณาการทั้งในส่วนทักษะการทำอาหารเพื่อสร้างอาชีพ การบูรณาการกับวิชาการเรียนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น คณิตศาสตร์ การคำนวนต้นกำไรขาดทุน การชั่งตวงวัด วิทยาศาสตร์อาหาร ความคิดสร้างสรรค์ในการการออกแบบผลิตภัณฑ์ การวางแผนการขาย และการทำการตลาด ซึ่งโรงเรียนสามารถเชิญวิทยากรจากภายนอกมาร่วมให้ความรู้ได้” นายสุภกร กล่าว

สุภาณี ธรรมาธิคม ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีวัดอัปสรสวรรค์ กล่าวว่า โรงเรียนมีนักเรียนยากจนพิเศษที่ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการสถานศึกษาจำนวน 64 คน คิดเป็นร้อยละ 5 ของนักเรียนทั้งหมด เป็นกลุ่มที่ทางโรงเรียนจะละเลยไม่ได้ ในทุกกระบวนการตั้งแต่การลงพื้นที่เยี่ยมบ้านนักเรียน การเก็บข้อมูลต้องครบถ้วนถูกต้อง เพราะทุกรายละเอียดคือ โอกาสทางการศึกษาของเด็กนักเรียนเหล่านี้ โรงเรียนเข้าใจในกระบวนการที่มีหลายขั้นตอน และต้องตรวจสอบ ก็เพื่อความรอบคอบ สำหรับเงินอุดหนุนที่ได้รับจากทางกสศ. โรงเรียนบริหารการใช้จ่ายเงินเป็น 2 ส่วน คือ จัดให้นักเรียนในรูปแบบคูปองอาหารกลางวัน และกิจกรรมพัฒนานักเรียนยากจนพิเศษซึ่งทางโรงเรียนให้ความสำคัญมาก โดยในการจัดกิจกรรมได้ประเมินจากความสนใจของนักเรียนเป็นหลัก จึงจัดให้มีการสอนทักษะการทำเบเกอรี่และขนมอบต่างๆแก่นักเรียนยากจนพิเศษทั้ง 64 คน

“เราเริ่มเปิดคอร์สให้นักเรียน มา 2 ครั้งแล้ว เด็กๆ ใส่ความคิดสร้างสรรค์ พัฒนาให้รสชาติดีขึ้นทุกครั้ง เมื่อเชี่ยวชาญกว่านี้ เราวางแผนเปิดเป็นร้านเบเกอรี่จำหน่ายในชุมชน ตลาด เพื่อสร้างรายได้ เป็นกองทุนเล็กๆที่เติบโตต่อไป ทางโรงเรียนมองว่า เงินอุดหนุนจาก กสศ.ในส่วนของการจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะอาชีพและทักษะชีวิต แม้ไม่มากแต่เป็นเงินลงทุน ซึ่งถ้านำไปใช้อย่างถูกจุดจะสามารถสร้างดอกผลทั้งในรูปของการเพิ่มพูนศักยภาพของนักเรียน และเป็นเงินลงทุนที่สร้างรายได้ในอนาคตได้ สำคัญอยู่ที่ความคิดริเริ่มและวิธีการนำไปใช้เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับเงินจำนวนนี้ เพื่อสร้างโอกาสให้แก่นักเรียนมากที่สุด” สุภาณี กล่าว

ขณะที่ นิพนธ์ ด้วงคำจันทร์ อาจารย์ระบบงานแนะแนวและระบบดูแลช่วยเหลือ โรงเรียนสตรีวัดอัปสรสวรรค์ครูแอดมิน กล่าวว่า เพราะเราตระหนักดีว่า ข้อมูลของนักเรียนที่เก็บมาไม่ได้ถูกใช้เพื่อจ่ายเงินแค่ครั้งเดียว แต่คือการติดตามนักเรียนเป็นรายบุคคลในระยะยาวจนจบการศึกษา ป้องกันไม่ให้หลุดออกนอกระบบ กระบวนการจึงถูกออกแบบมาให้มีความละเอียด รอบคอบ เวลาบันทึกข้อมูลต้องสะกดให้ถูกต้อง และเป็นปัจจุบัน ไม่ว่าจะชื่อนักเรียน ชื่อผู้ปกครอง สถานะครัวเรือน เลขที่บัญชี ต้องมั่นใจ 100% ว่าตรงตามข้อเท็จจริงเพราะถ้าผิดแม้แต่คำเดียว จะส่งผลให้การช่วยเหลือนักเรียนล่าช้าออกไปอีก หรืออาจจะทำให้เด็กคนหนึ่งเสียโอกาสไปเลยก็ได้

“เวลากว่าสองเดือนที่ทำงานเรื่องนี้มา ตั้งแต่ลงเยี่ยมบ้าน กรอกข้อมูล แก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง และมีการตรวจสอบหลายชั้น จนถึงวันที่นักเรียนได้รับเงินอุดหนุน เราเห็นแววตาที่ดีใจ ความกระตือรืนร้นที่จะเรียนรู้ โอกาสของเด็กเหล่านี้ พิสูจน์เลยว่า ที่ทุ่มเทลงไปมันไม่สูญเปล่า เราหายเหนื่อย ยิ่งมีพลังมากขึ้นด้วยซ้ำ รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร” นิพนธ์ กล่าว

ขณะที่ หนึ่งในตัวแทนนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนวัดสตรีอัปสรสวรรค์ ซึ่งได้รับทุนอุดหนุนเด็กยากจนพิเศษ จาก กสศ. กล่าวว่า รู้สึกดีใจและภูมิใจมากที่ได้รับทุน จะวางแผนใช้ทุนที่ได้รับโดยเก็บไว้ใช้จ่ายในครอบครัว และเป็นค่าอาหาร ค่าเดินทาง ทุนนี้เป็นกำลังใจให้หนูมาก จะขวนขวายในเรื่องการเรียนให้มาก เพื่อตอบแทนสิ่งที่ได้รับ และเป็นการพัฒนาศักยภาพในเรื่องการเรียนต่อตัวเอง รวมทั้งจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเพื่อนๆ ได้เห็นว่าเราได้รับทุนแล้วนำไปทำอะไรบ้าง อยากให้ทุน กสศ. เด็กยากจนพิเศษ มีต่อไปเรื่อยๆ เพื่อส่งเสริมให้เด็กยากจนได้เพิ่มศักยภาพ เพราะเพื่อนของหนูหลายครอบครัวที่เห็น มีศักยภาพแต่ขาดทุนทรัพย์ ทำให้ขาดโอกาสในการพัฒนา

[full-post]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.